ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
Viewwwwww (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 47 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 32 คน)
บรรทัด 1:
{{Infobox royalty
{{รอการตรวจสอบ}}
|image = Vodhayakorn.jpg
[[ไฟล์:Votyakorn 01.JPG|thumb|250px|หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ ประมาณ พ.ศ. 2500]]
'''หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ''' ([[9 พฤศจิกายน]] [[พ.ศ. 2443|2443]] - [[27 สิงหาคม]] [[พ.ศ. 2524|2524]]) พระโอรสองค์ที่ 20 ของ[[พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์]] และเป็นองค์ที่ 3 ของหม่อมบุญ วรรวรรณ ณ อยุธยา สถาปนิกกรมรถไฟ ผู้ร่วมก่อตั้ง[[สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์]] อาจารย์พิเศษและต่อมาป็นอาจารย์ประจำและคณบดี[[คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]] สถาปนิกรุ่นบุกเบิกผู้นำเอา[[เอกลักษณ์ไทย]]มาประยุกต์กับการออกแบบอาคารสมัยใหม่ ได้ทรงพัฒนาวัสดุก่อสร้างที่มีใช่ในท้องถิ่นให้เหมาะสม เช่นกระเบื้องปิดหัวจั่วกันผุ รวมทั้งการทดลองการใช้วัสดุพื้นถิ่นเช่นไม้ไผ่ ไม้ระแนงเสริมปูนฉาบซึ่งพบว่าใช้งานได้ดีในระดับเศรษฐกิจขณะนั้น
 
|title = หม่อมเจ้า ชั้น 4
==ชีวิตเมื่อทรงพระเยาว์และการศึกษา==
|birth_date = {{วันเกิด|2443|11|9}}
[[ไฟล์:Voyakorn 3.JPG|thumb|200px|left|หม่อมเจ้าโวฒยากรวรวรรณฉายเมื่อทรงจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ พ.ศ. 2470]]
|death_date = {{วันตายและอายุ|2524|8|27|2443|11|9}}
เมื่อครั้งเยาว์วัยหม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณได้รับการศึกษาใน[[วังแพร่งนราฯ]] ต่อมาเมื่อพระชนมายุได้ 11 ปีจึงเข้าศึกษาใน[[โรงเรียนมหาดเล็กหลวง]] ([[วชิราวุธวิทยาลัย]]) เริ่มจากชั้นมูลแต่เรียนดีและได้ข้ามชั้นหลายครั้งจนจบการศึกษามัธยมปีที่ 8 เมื่อ [[พ.ศ. 2460]] หลังจบการศึกษาก็ได้เข้ารับราชการใน[[กรมราชเลขานุการในพระองค์]]และทรงเขียนภาพการ์ตูนสะท้อนสังคมลงใน[[หนังสือพิมพ์ดุสิตสมิต]] [[บางกอกรีคอร์ดเดอร์]]ในสมัย[[ดุสิตธานี]]เป็นประจำ ภาพ[[พระเจ้าไกเซอร์]]แวดล้อมด้วยผู้ประสบภัยพิบัติเป็นที่พอพระทัยของ[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ซึ่งได้มีรับสั่งให้เข้าเฝ้าและได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นนักเรียนทุนส่วนพระองค์ไปศึกษาต่อที่ประเทศ[[อังกฤษ]] โดยได้เดินทางโดยเรือ "ไมตู" และมีนักเรียนไทยร่วมเดินทางไปในเที่ยวเดียวกันประมาณ 20 คน อาทิ [[หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัฒน์]] [[หม่อมเจ้าชิดชนก กฤดากร]] ฯลฯ นับเป็นนักเรียนไทยรุ่นแรกหลัง[[สงครามโลกครั้งที่ 1]]
|death_style = สิ้นชีพิตักษัย
|father1 = [[พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์]]
|mother1 = หม่อมบุญ วรรวรรณ ณ อยุธยา
|dynasty = [[ราชวงศ์จักรี|จักรี]]
|spouse = หม่อมสรรพางค์ วรวรรณ ณ อยุธยา<br>หม่อมจิตรา วรวรรณ ณ อยุธยา
|spouse-type = หม่อม
|issue-type = บุตร
|issue = หม่อมราชวงศ์วิวัฒน์ วรวรรณ<br>หม่อมราชวงศ์ชาญวุฒิ วรวรรณ
|ราชสกุล=วรวรรณ}}
 
ศาสตราจารย์ '''หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ''' ([[9 พฤศจิกายน]] [[พ.ศ. 2443|2443]] - [[27 สิงหาคม]] [[พ.ศ. 2524|2524]]) มีพระโอรสองค์ที่นามลำลองว่า 20'''ท่านชายติ่ง''' ของเป็นพระโอรสใน[[พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์]] และเป็นองค์ที่ 3 ของประสูติแต่หม่อมบุญ วรรวรรณ ณ อยุธยา เป็นสถาปนิกกรมรถไฟ ผู้ร่วมก่อตั้ง[[สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์]] เป็นอาจารย์พิเศษและต่อมาป็นอาจารย์ประจำและคณบดี[[คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]] สถาปนิกรุ่นบุกเบิกผู้นำเอา[[เอกลักษณ์ไทย]]มาประยุกต์กับการออกแบบอาคารสมัยใหม่ ได้ทรงพัฒนาวัสดุก่อสร้างที่มีใช่ในท้องถิ่นให้เหมาะสม เช่นกระเบื้องปิดหัวจั่วกันผุ รวมทั้งการทดลองการใช้วัสดุพื้นถิ่นเช่นไม้ไผ่ ไม้ระแนงเสริมปูนฉาบซึ่งพบว่าใช้งานได้ดีในระดับเศรษฐกิจขณะนั้น
เมื่อถึงประเทศอังกฤษ ได้ทรงเข้าเรียนกวดวิชาพิเศษหลายแห่งเพื่อเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยและสามารถสอบเข้าศึกษาใน[[มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์]]ได้ด้งพระประสงค์เมื่อ [[พ.ศ. 2464]] ช่วงเวลา 4 ปี ที่ศึกษาในมหาวิทยาลัยนี้ หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณได้รับไม่เพียงวิชาความรู้ แต่ยังได้รับความรู้และประสบการณ์เกี่ยวชีวิต ระบบการศึกษาประเพณีของทั้งนักศึกษา ครูบาอาจารย์ตลอดคนทั่วไป ทำให้พระองค์ได้รับความสนุกสนานและความเพลิดเพลินในชีวิตการศึกษามหาวิทยาลัยและยังได้ทรงบันทึกประสบการณ์ต่างๆ เหล่านี้ไว้โดยละเอียดอีกด้วย เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาเมื่อ [[พ.ศ. 2470]] ได้ทรงเข้าฝึกงานปฏิบัติวิชาชีพที่ "ไวท์ฮอลล์" เป็นเวลา 8 เดือนแล้วจึงเสด็จกลับประเทศไทย และหลังจากนั้นอีก 26 ปี มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้ทูลเชิญหม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณเข้ารับปริญญาโท (M.A.) เมื่อ [[พ.ศ. 2496]]
 
==พระประวัติ==
==ชีวิตการทรงงานและผลงาน==
==ชีวิต=ชนม์ชีพเมื่อทรงพระเยาว์วัยและการศึกษา===
เมื่อกลับถึงประเทศไทยได้เข้าทำงานใน[[กรมรถไฟหลวง]][http://www.railway.co.th/about/history.asp] ในตำแหน่ง[[สถาปนิก]] ในขณะนั้นประเทศไทยมีสถาปนิกเพียง 5 คน ได้รับหมอบหมายหน้าที่งานด้าน[[สถาปัตยกรรม]]ทั้งหมดของกรมรถไฟหลวงทั้งหมด หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ นับเป็นสถาปนิกฝีมือดีผู้หนึ่งจึงมีผลงานจำนวนมากและหลายชิ้นยังปราฏอยู่ถึงปัจจุบัน งานชิ้นหลักๆ โดยสังเขปของหม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ รวมทั้งที่ทรงทำหลังโอนไปสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้วมีดังนี้
เมื่อครั้งเยาว์วัยหม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณฒยากรได้รับการศึกษาใน[[วังวรวรรณ|วังแพร่งนราฯนรา]] ต่อมาเมื่อพระชนมายุได้ชันษา 11 ปีจึงทรงเข้าศึกษาใน[[โรงเรียนมหาดเล็กหลวง]] ([[วชิราวุธวิทยาลัย]]) เริ่มจากชั้นมูล แต่ทรงเรียนดีและได้ข้ามชั้นหลายครั้งจนจบการศึกษามัธยมปีที่ 8 เมื่อปี [[พ.ศ. 2460]] หลังจบการศึกษาก็ได้ทรงเข้ารับราชการใน[[กรมราชเลขานุการในพระองค์]] และทรงเขียนภาพการ์ตูนสะท้อนสังคมลงใน[[หนังสือพิมพ์ดุสิตสมิต]] [[บางกอกรีคอร์ดเดอร์]] ในสมัย[[ดุสิตธานี]]เป็นประจำ ภาพ[[พระเจ้าไกเซอร์]]แวดล้อมด้วยผู้ประสบภัยพิบัติเป็นที่พอพระทัยของ[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ซึ่งได้จึงมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าและได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นนักเรียนทุนส่วนพระองค์ไปศึกษาต่อที่ประเทศ[[ประเทศอังกฤษ]] โดยได้เดินทางโดยเรือ "ไมตู" และมีนักเรียนไทยร่วมเดินทางไปในเที่ยวเดียวกันประมาณ 20 คน อาทิเช่น [[หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัฒน์สวัสดิวัตน์]] [[หม่อมเจ้าชิดชนก กฤดากร]] ฯลฯเป็นต้น นับเป็นนักเรียนไทยรุ่นแรกหลัง[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]] 1ทรงเข้าเรียนกวดวิชาพิเศษหลายแห่งเพื่อเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยและสามารถสอบเข้าศึกษาใน[[มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์]]ได้ดังประสงค์เมื่อปี พ.ศ. 2464 ช่วงเวลาสี่ปี ที่ศึกษาในมหาวิทยาลัยนี้ หม่อมเจ้าโวฒยากรได้รับความรู้และประสบการณ์เกี่ยวชีวิต ระบบการศึกษาประเพณีของทั้งนักศึกษา ครูบาอาจารย์ตลอดคนทั่วไป ทำให้ท่านได้รับความสนุกสนานและความเพลิดเพลินในชีวิตการศึกษามหาวิทยาลัยและยังได้ทรงบันทึกประสบการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ไว้โดยละเอียด เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2470 ทรงเข้าฝึกงานปฏิบัติวิชาชีพที่ "ไวท์ฮอลล์" เป็นเวลาแปดเดือนแล้วจึงเสด็จกลับประเทศไทย และหลังจากนั้นอีก 26 ปี มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้ทูลเชิญหม่อมเจ้าโวฒยากรเข้ารับปริญญาโทเมื่อปี พ.ศ. 2496
 
===ชีวิตการทรงงานและผลงาน===
[[ไฟล์:Chiang Mai Train Station.jpg|200px|thumb|right|สถานีรถไฟเชียงใหม่]]
[[ไฟล์:Salaprakeawinterior2BFD.JPG|200px|thumb|right|[[ศาลาพระเกี้ยว]]]]
[[ไฟล์:Thonburi railway station.jpg|200px|thumb|right|[[สถานีรถไฟธนบุรี (เดิม)]]]]
เมื่อเสด็จกลับถึงประเทศไทยได้ ทรงเข้าทำงานรับราชการใน[[การรถไฟแห่งประเทศไทย|กรมรถไฟหลวง]][http://www.railway.co.th/about/history.asp] {{Webarchive|url=https://web.archive.org/web/20070819090537/http://www.railway.co.th/about/history.asp |date=2007-08-19 }} เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2471 ในตำแหน่ง[[สถาปนิก]] ในขณะนั้นประเทศไทยมีสถาปนิกเพียง 5 คน ทรงได้รับหมอบหมายหน้าที่งานด้าน[[สถาปัตยกรรม]]ทั้งหมดของกรมรถไฟหลวงทั้งหมด หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ ฒยากรนับเป็นสถาปนิกฝีมือดีผู้หนึ่งจึงมีผลงานจำนวนมากและหลายชิ้นยังปราฏอยู่ถึงปัจจุบัน งานชิ้นหลักๆหลัก ๆ โดยสังเขปของหม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ รวมทั้งที่ทรงทำหลังโอนไปสังกัด[[จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]]แล้ว มีดังนี้
*ปกหนังสืองานฉลอง ๕๐ ปี รถไฟหลวง พิมพ์เมื่อปี 2490
*[[สถานีรถไฟเชียงใหม่]] [[จังหวัดเชียงใหม่]] (เปิดใช้งานเมื่อปี พ.ศ. 2491)
*[[สถานีรถไฟธนบุรี (เดิม)]] (ปิดใช้งานเมื่อปี พ.ศ. 2493)
*ที่พักอาศัย 3 ชั้นในสถานีรถไฟ เชียงใหม่
*อาคารหอพักนิสิตหญิงหลังแรกของ[[จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]]
*โรงอัดแบตตารีของกรมรถไฟ
*อาคารหอพัก หอประชุมและตึก โอ.พี.ดี. [[โรงพยาบาลศิริราช]]
บรรทัดที่ 24 ⟶ 39:
*อาคารที่พักอาศัยมากกว่า 200 หลัง
 
ผลงานชิ้นสุดท้ายของหม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณฒยากรได้แก่อนุสาวรีย์ราชสกุลวรวรรณเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่[[พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์]] พระบิดา ที่ชายหาด[[ชะอำ]] จังหวัด[[จังหวัดเพชรบุรี]] หม่อมเจ้าโวฒยากรทรงความสนทัยในการค้นคว้าวิจัยประเทศที่อาจเรียกในปัจจุบันว่า "ภูมิปัญญาชาวบ้าน" ทรงใช้ไม้ไผ่ขัดแตะผสมฟางกับดินฉาบเป็นผนัง การใช้โครงสร้างไม้กับผนังอิฐและอื่น ๆ ที่เหมาะกับภูมิอากาศและความประหยัด ซึ่งอาคารที่ได้ทรงทดลองสร้างหลายแห่งยังคงสภาพดีแม้เวลาจะผ่านมามากกว่า 60 ปี
 
===การก่อตั้งสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปภัมภ์===
นอกจากนี้หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ ยังมีความสนใจในการค้นคว้าวิจัยประเทศที่อาจเรียกในปัจจุบันว่า "ภูมิปัญญาชาวบ้าน" ได้ทรงใช้ไม้ไผ่ขัดแตะผสมฟางกับดินฉาบเป็นผนัง การใช้โครงสร้างไม้กับผนังอิฐและอื่นๆ ที่เหมาะกับภูมิอากาศและความประหยัด ซึ่งอาคารที่ได้ทรงทดลองสร้างหลายแห่งยังคงสภาพดีแม้เวลาจะผ่านมามากกว่า 60 ปีแล้วก็ตาม
'''หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ'''ได้ฒยากรทรงร่วมกับสถาปนิกอาวุโสไทยที่มีอยู่จำนวนน้อยในขณะนั้นก่อตั้ง "สมาคมอาชีพ" ซึ่งต่อมาคือ[[สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์]]ในปัจจุบัน โดยมี[[พระสาโรจน์ สาโรชรัตนนิมมานท์นนิมมานก์ (สาโรช สุขยางค์)]] เป็นนายกสมาคมคนแรก ส่วนหม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณฒยากรเป็นกรรมการผู้ก่อตั้งและกรรมการอำนวยการ สมาคมฯ สมาคมดำเนินการได้ 3 สามปีก็ต้องยุติชั่วคราวเนื่องจากภาวะสงคราม เมื่อสงครามสงบ หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณฒยากรได้รับทูลเชิญให้เป็นองค์ประธานกลุ่มฟื้นฟูจนสมบูรณ์ตามกฎหมายแต่ไม่ทรงรับเป็นนายกสมาคมจนผ่านไปหลายสมัยและหาผู้รับเป็นไม่ได้จึงทรงยอมรับเป็นนายกสมาคม หลังหมดวาระก็ยังทรงติดตามและให้ความช่วยเหลือสมาคมตลอดมา
 
===การเริ่มเกี่ยวข้องการศึกษาสถาปัตยกรรม===
==การก่อตั้งสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปภัมภ์==
ในขณะที่ประจำอยู่กรมรถไฟ นาย[[นารถ โพธิประสาท]] สถาปนิกไทยได้ทุนรัฐบาลที่สำเร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษได้กลับมารับราชการที่[[โรงเรียนเพาะช่าง]]ได้เสนอรัฐบาลให้ยกระดับวิชาสถาปัตยกรรมที่เพาะช่างขึ้นเป็นระดับอุดมศึกษา ซึ่งรัฐบาลก็ได้เห็นชอบให้โอนไปเป็นแผนกวิชาใน[[จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]] หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณฒยากรซึ่งได้มีส่วนร่วมหารือเพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นจึงได้ได้รับเชิญไปสอนเป็นอาจารย์พิเศษในแผนกวิชาสถาปัตยกรรมดังกล่าวเป็นประจำ
'''หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ'''ได้ทรงร่วมกับสถาปนิกอาวุโสไทยที่มีอยู่จำนวนน้อยในขณะนั้นก่อตั้ง "สมาคมอาชีพ" ซึ่งต่อมาคือ[[สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์]]ในปัจจุบัน โดยมี[[พระสาโรจน์ รัตนนิมมานท์]]เป็นนายกสมาคมคนแรก ส่วนหม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณเป็นกรรมการผู้ก่อตั้งและกรรมการอำนวยการ สมาคมฯ ดำเนินการได้ 3 ปีก็ต้องยุติชั่วคราวเนื่องจากภาวะสงคราม เมื่อสงครามสงบ หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณได้รับทูลเชิญให้เป็นองค์ประธานกลุ่มฟื้นฟูจนสมบูรณ์ตามกฎหมายแต่ไม่ทรงรับเป็นนายกสมาคมจนผ่านไปหลายสมัยและหาผู้รับเป็นไม่ได้จึงทรงยอมรับเป็นนายกสมาคม หลังหมดวาระก็ยังทรงติดตามและให้ความช่วยเหลือสมาคมตลอดมา
 
===ชีวิตการสอน===
==การเริ่มเกี่ยวข้องการศึกษาสถาปัตยกรรม==
หลังเป็นแผนกวิชาอิสระมา 8 แปดปี [[จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]]จึงสถาปนาแผนกนี้ขึ้นเป็น[[คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์]] เปิดสอนระดับปริญญาตรีเป็นครั้งแรกในปีการศึกษา 2481 ก่อนหน้านั้นเปิดสอนถึงเพียงระดับ[[อนุปริญญา]] เมื่อการเรียนการสอนเริ่มเข้มข้นและมีจำนวนนิสิตมากขึ้น หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณฒยากรได้รับการทาบทามให้โอนมาเป็นอาจารย์ประจำ แต่ไม่ทรงมาได้เนื่องจากยังมีงานสำคัญจำนวนมากอยู่ที่[[การรถไฟแห่งประเทศไทย|กรมรถไฟ]] อย่างไรก็ดี ในต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2492 จึงสามารถโอนมารับตำแหน่งหัวหน้าแผนกวิชาสถาปัตยกรรมและรักษาการหัวหน้าแผนกศิลปกรรมอีกตำแหน่งหนึ่ง
ในขณะที่ประจำอยู่กรมรถไฟ นาย[[นารถ โพธิประสาท]] สถาปนิกไทยได้ทุนรัฐบาลที่สำเร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษได้กลับมารับราชการที่[[โรงเรียนเพาะช่าง]]ได้เสนอรัฐบาลให้ยกระดับวิชาสถาปัตยกรรมที่เพาะช่างขึ้นเป็นระดับอุดมศึกษา ซึ่งรัฐบาลก็ได้เห็นชอบให้โอนไปเป็นแผนกวิชาในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณซึ่งได้มีส่วนร่วมหารือเพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นจึงได้ได้รับเชิญไปสอนเป็นอาจารย์พิเศษในแผนกวิชาสถาปัตยกรรมดังกล่าวเป็นประจำ
 
[[ปี พ.ศ. 2497]] มหาวิทยาลัยได้แต่งตั้งหม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณฒยากรให้ดำรงตำแหน่งคณบดี และได้ทรงดำรงตำแหน่งนี้จนเกษียณอายุราชการเมื่อปี [[พ.ศ. 2507]] ในระหว่างการดำรงตำแหน่งได้ทรงปรับปรุงการเรียนการสอน ติดต่อขอความช่วยเหลือจากมหาวิทยาลัยและองค์กรต่างประเทศจัดส่งเครื่องมือและผู้เชี่ยวชาญมาร่วมจัดตั้งแผนก[[ศิลปอุตสาหกรรม]]สำเร็จเป็นแห่งแรกของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีภารกิจที่ทรงทำให้แก่มหาวิทยาลัยและหน่วยงานอื่นๆ ระหว่างการรับราชการในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกมากสรุปสังเขปได้ดังนี้
==ชีวิตการสอน==
*กรรมการสภาการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. 2498 -พ.ศ. 2508)
หลังเป็นแผนกวิชาอิสระมา 8 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงสถาปนาแผนกนี้ขึ้นเป็น[[คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์]] เปิดสอนระดับปริญญาตรีเป็นครั้งแรกในปีการศึกษา 2481 ก่อนหน้านั้นเปิดสอนถึงเพียงระดับ[[อนุปริญญา]] เมื่อการเรียนการสอนเริ่มเข้มข้นและมีจำนวนนิสิตมากขึ้น หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณได้รับการทาบทามให้โอนมาเป็นอาจารย์ประจำ แต่ไม่ทรงมาได้เนื่องจากยังมีงานสำคัญจำนวนมากอยู่ที่กรมรถไฟ อย่างไรก็ดี ในปี พ.ศ. 2492 จึงสามารถโอนมารับตำแหน่งหัวหน้าแผนกวิชาสถาปัตยกรรมและรักษาการหัวหน้าแผนกศิลปกรรมอีกตำแหน่งหนึ่ง
*กรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2498 -พ.ศ. 2508)
*ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้แก่ World Craft Council (พ.ศ. 2507- พ.ศ.- 2508)
 
นอกจากนี้ยังทรงได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็น[[ราชบัณฑิต]] สาขาศิลปกรรมศาสตร์รุ่นแรกของ[[ราชบัณฑิตยสถาน]] ตั้งแต่ปี [[พ.ศ. 2485]] เป็นอุปนายกราชบัณฑิตยสถาน เมื่อระหว่างปี พ.ศ. 2518 - 2519 แต่ได้ขอลาออกในปีต่อมาเนื่องประชวรด้วยพระโรคต้อ
[[พ.ศ. 2497]] มหาวิทยาลัยได้แต่งตั้งหม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณให้ดำรงตำแหน่งคณบดี และได้ทรงดำรงตำแหน่งนี้จนเกษียณอายุราชการเมื่อ [[พ.ศ. 2507]] ในระหว่างการดำรงตำแหน่งได้ทรงปรับปรุงการเรียนการสอน ติดต่อขอความช่วยเหลือจากมหาวิทยาลัยและองค์กรต่างประเทศจัดส่งเครื่องมือและผู้เชี่ยวชาญมาร่วมจัดตั้งแผนก[[ศิลปอุตสาหกรรม]]สำเร็จเป็นแห่งแรกของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีภารกิจที่ทรงทำให้แก่มหาวิทยาลัยและหน่วยงานอื่นๆ ระหว่างการรับราชการในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกมากสรุปสังเขปได้ดังนี้
*กรรมการสภาการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. 2498-พ.ศ. 2508)
*กรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2498-พ.ศ. 2508)
*ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้แก่ World Craft Council (พ.ศ. 2507- พ.ศ. 2508)
 
==ชีวิต=ชนม์ชีพในบั้นปลายและชีวิตครอบครัว===
นอกจากนี้ยังทรงได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็น[[ราชบัณฑิต]] สาขาศิลปกรรมศาสตร์รุ่นแรกของ[[ราชบัณฑิตยสถาน]] ตั้งแต่ [[พ.ศ. 2485]] เป็นอุปนายกราชบัณฑิตยสถาน เมื่อ พ.ศ. 2518-2519 แต่ได้ขอลาออกในปีต่อมาเนื่องประชวรด้วยโรคต้อ
 
'''หม่อมเจ้าโวฒยากรฒยากรมีหม่อม คือ หม่อมสรรพางค์ (สกุลเดิม บูรณะปิณฑ์;ธิดาของขุนประสิทธิ์พยุหกรรม(สวน บูรณะปิณฑ์)) มีโอรสด้วยกันหนึ่งคน คือ หม่อมราชวงศ์วิวัฒน์ วรวรรณ''' ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2480 หม่อมเจ้าโวฒยากรได้รับพระราชทานสมรสกับนางสาวหม่อมจิตรา (สกุลเดิม ปันยารชุน; (บุตรธิดาของ[[พระยาปรีชานุสาสน์ (เสริญ ปันยารชุน)]] และกับคุณหญิงปฤกษ์ ปันยารชุนปรีชานุสาสน์ และเป็นพี่สาวของนาย[[อานันท์ ปันยารชุน]]) เมื่อ [[พ.ศ. 2480]] มีบุตรโอรสด้วยกันหนึ่งคนเดียว คือ รองศาสตราจารย์[[ หม่อมราชวงศ์ชาญวุฒิ วรวรรณ]] (ปัจจุบันเกษียณอายุราชการจาก[[คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]]); ซึ่งสมรสกับดร.คุณหญิง[[กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา]] (สกุลเดิม จาติกวนิช) ปลัดกระทรวงศึกษาธิการคนปัจจุบัน และมีบุตรชายเพียงคนเดียว คือ [[หม่อมหลวงวรุตม์ วรวรรณ]] อนึ่งก่อนสมรสกับหม่อมจิตราฯ หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณมีบุตรชาย 1 คน เกิดจากนางสพราค์ บูรณะปินท์และมีบุตรชาย 1 คน คือ หม่อมราชวงศ์วิวัฒน์ วรวรรณ)
==ชีวิตในบั้นปลายและชีวิตครอบครัว==
 
แม้หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณฒยากรมีงานที่ต้องทรงดูแลรับผิดชอบมาก แต่ก็ยังทรงปลีกเวลาให้แก่ญาติมิตรเสมอ รวมทั้งได้ทรงดูแลเอาใจใส่ตรอบครัวเป็นอย่างดี ยามว่างหลังเกษียณแล้วก็โปรดเขียนบทความและภาพล้อเลียนสังคมอยู่เสมอและโปรดการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
'''หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ'''ได้รับพระราชทานสมรสกับนางสาวจิตรา ปันยารชุน (บุตร[[พระยาปรีชานุสาสน์ (เสริญ ปันยารชุน)]] และคุณหญิงปฤกษ์ ปันยารชุน และเป็นพี่สาวของนาย[[อานันท์ ปันยารชุน]]) เมื่อ [[พ.ศ. 2480]] มีบุตรคนเดียว คือ รองศาสตราจารย์[[หม่อมราชวงศ์ชาญวุฒิ วรวรรณ]] (ปัจจุบันเกษียณราชการจาก[[คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]]) ซึ่งสมรสกับดร.คุณหญิง[[กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา]] (สกุลเดิมจาติกวนิช) ปลัดกระทรวงศึกษาธิการคนปัจจุบัน และมีบุตรชายเพียงคนเดียว คือ [[หม่อมหลวงวรุตม์ วรวรรณ]] อนึ่งก่อนสมรสกับหม่อมจิตราฯ หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณมีบุตรชาย 1 คน เกิดจากนางสพราค์ บูรณะปินท์และมีบุตรชาย 1 คน คือ หม่อมราชวงศ์วิวัฒน์ วรวรรณ
 
'''หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ'''ฒยากรมีพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ไม่ใคร่เจ็บป่วย แต่เมื่อกระทั่งปี [[พ.ศ. 2524]] ทรงเริ่มประชวร ทรงเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง หลังการผ่าตัด[[ต้อกระจก]] พระอาการป่วยประชวรหนักขึ้นและได้สิ้นชีพตักษัย เมื่อมีพระชนมายุได้วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2524 สิริชันษา 80 ปี 10 เดือน 18 วัน พระราชทานเพลิงพระศพ เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2524 ณ เมรุ[[วัดธาตุทอง (กรุงเทพมหานคร)|วัดธาตุทอง]]
แม้หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณมีงานที่ต้องทรงดูแลรับผิดชอบมาก แต่ก็ยังทรงปลีกเวลาให้แก่ญาติมิตรเสมอ รวมทั้งได้ดูแลเอาใจใส่ตรอบครัวเป็นอย่างดี ยามว่างหลังเกษียณแล้วก็โปรดเขียนบทความและภาพล้อเลียนสังคมอยู่เสมอและโปรดการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
 
== เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ==
'''หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ'''มีพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ไม่ใคร่เจ็บป่วย แต่เมื่อ [[พ.ศ. 2524]] ทรงเริ่มประชวร เข้าออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง หลังการผ่าตัด[[ต้อกระจก]]อาการป่วยหนักขึ้นและได้สิ้นชีพตักษัย เมื่อมีพระชนมายุได้ 80 ปี 10 เดือน 18 วัน
* [[ไฟล์:Order of the White Elephant - Special Class (Thailand) ribbon.svg|80px]] [[เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก]] ชั้น[[มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก]] (ม.ป.ช.)
* [[ไฟล์:Order of the Crown of Thailand - Special Class (Thailand) ribbon.svg|80px]] [[เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย]] ชั้น[[มหาวชิรมงกุฎ]] (ม.ว.ม.)
* {{ป.ม.|ปี=2502}}<ref> ราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ หน้า 41 เล่ม 76 ตอนที่ 115 16 ธันวาคม 2502</ref>
* [[ไฟล์:King Rama VII Coronation Medal (Thailand) ribbon.svg|80px|border]] [[รัชกาลที่ 7|เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 7]]
* [[ไฟล์:King_Rama_VIII_Royal_Cypher_Medal_(Thailand)_ribbon.svg|80px|border]] [[เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8]] ชั้นที่ 2 (อ.ป.ร.2)
* [[ไฟล์:King_Rama_IX_Royal_Cypher_Medal_(Thailand)_ribbon.svg|80px|border]] [[เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9]] ชั้นที่ 2 (ภ.ป.ร.2)
 
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
 
* สิทธิธรรม โรหิตะสุข. “สถาปนิกเลือดน้ำเงินกับศิลปะสมัยใหม่ในประเทศไทย: แนวคิดและบทบาทของสถาปนิกชั้นหม่อมเจ้าในช่วง พ.ศ. 2475-2505.” ใน ถนอม ชาภักดี และคนอื่นๆ (บก.), '''เอกสารประกอบการประชุมวิชาการระดับชาติ เวทีวิจัยมนุษยศาสตร์ไทย ครั้งที่ 11 เปิดโลกสุนทรีย์ในวิถีมนุษยศาสตร์'''. น. 22-37. กรุงเทพฯ: มีดี กราฟิก, 2560.
 
==อ้างอิง==
*พระประวัติของหม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ จัดพิมพ์เนื่องในงานพระราชทานเพลิงพระศพหม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ ณ เมรุวัดธาตุทอง วันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2524
 
*พระประวัติของหม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ จัดพิมพ์เนื่องในงานพระราชทานเพลิงพระศพหม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ ณ เมรุวัดธาตุทอง วันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2524
 
{{อายุขัย|2443|2524}}
{{เรียงลำดับ|โวฒยากร วรวรรณ}}
[[หมวดหมู่:หม่อมเจ้าชาย]]
[[หมวดหมู่:ราชสกุลวรวรรณ]]
[[หมวดหมู่:สถาปนิกชาวไทย]]
[[หมวดหมู่:ราชบัณฑิต]]
[[หมวดหมู่:อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์]]
[[หมวดหมู่:บุคคลจากโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย]]
[[หมวดหมู่:บุคคลจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]]
[[หมวดหมู่:ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]]
{{ประสูติปี|2443}}{{สิ้นพระชนม์ปี|2524}}
[[หมวดหมู่:ผู้ได้รับเหรียญรัตนาภรณ์ ภ.ป.ร.2‎]]
[[หมวดหมู่:ผู้ได้รับเหรียญรัตนาภรณ์ อ.ป.ร.2‎]]