ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ไฟนอลแฟนตาซี X"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ZabesBot (คุย | ส่วนร่วม)
บอต: เก็บกวาดลิงก์ข้ามภาษาเก่า
Narutzy (คุย | ส่วนร่วม)
 
(ไม่แสดง 9 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 2 คน)
บรรทัด 38: บรรทัด 38:
ในภาคนี้ผู้เล่นสามารถพัฒนาตัวละครโดยปราบศัตรูและเก็บไอเทมเช่นเดียวกับภาคก่อน แต่ระบบ[[ค่าประสบการณ์]]แบบเดิมถูกเปลี่ยนเป็นระบบใหม่ที่เรียกว่า "ผังสเฟียร์" (Sphere Grid) ซึ่งจากเดิมที่ตัวละครจะได้รับค่าสถานะต่างๆ เพิ่มขึ้นหลังจากเพิ่มค่าระดับของตัวละครให้สูงขึ้น ในภาคนี้ตัวละครแต่ละตัวจะได้รับค่า "ระดับสเฟียร์" (Sphere Level) หลังจากสะสมค่าความสามารถ (Ability Point) มากเพียงพอ ระดับสเฟียร์ใช้ในการเคลื่อนตำแหน่งของตัวละครบนผังสเฟียร์ ซึ่งบนผังจะเป็น Node ต่างๆ ที่เชื่อมโยงกัน ประกอบด้วยตำแหน่งของค่าสถานะและความสามารถต่างๆ Node เหล่านี้จะต้องใช้ไอเทมที่เรียกว่า "สเฟียร์" (Sphere) ในการเปิดใช้ค่าประจำ Node นั้นๆ ให้แก่ตัวละครที่เลือกไว้<ref>{{cite web|url=http://guides.ign.com/guides/14008/page_15.html|title=Guides: Final Fantasy X - Sphere Grid|publisher=[[IGN]]|author=Tsai, Andy; Bomke, Christine|accessdate=2008-11-25|archive-date=2012-02-12|archive-url=https://www.webcitation.org/65NwJfhFy?url=http://guides.ign.com/guides/14008/page_15.html|url-status=dead}}</ref>
ในภาคนี้ผู้เล่นสามารถพัฒนาตัวละครโดยปราบศัตรูและเก็บไอเทมเช่นเดียวกับภาคก่อน แต่ระบบ[[ค่าประสบการณ์]]แบบเดิมถูกเปลี่ยนเป็นระบบใหม่ที่เรียกว่า "ผังสเฟียร์" (Sphere Grid) ซึ่งจากเดิมที่ตัวละครจะได้รับค่าสถานะต่างๆ เพิ่มขึ้นหลังจากเพิ่มค่าระดับของตัวละครให้สูงขึ้น ในภาคนี้ตัวละครแต่ละตัวจะได้รับค่า "ระดับสเฟียร์" (Sphere Level) หลังจากสะสมค่าความสามารถ (Ability Point) มากเพียงพอ ระดับสเฟียร์ใช้ในการเคลื่อนตำแหน่งของตัวละครบนผังสเฟียร์ ซึ่งบนผังจะเป็น Node ต่างๆ ที่เชื่อมโยงกัน ประกอบด้วยตำแหน่งของค่าสถานะและความสามารถต่างๆ Node เหล่านี้จะต้องใช้ไอเทมที่เรียกว่า "สเฟียร์" (Sphere) ในการเปิดใช้ค่าประจำ Node นั้นๆ ให้แก่ตัวละครที่เลือกไว้<ref>{{cite web|url=http://guides.ign.com/guides/14008/page_15.html|title=Guides: Final Fantasy X - Sphere Grid|publisher=[[IGN]]|author=Tsai, Andy; Bomke, Christine|accessdate=2008-11-25|archive-date=2012-02-12|archive-url=https://www.webcitation.org/65NwJfhFy?url=http://guides.ign.com/guides/14008/page_15.html|url-status=dead}}</ref>


ระบบผังสเฟียร์ยังทำให้ผู้เล่นสามารถปรับแต่งตัวละครให้แตกต่างไปจากบทบาทที่มีมาแต่แรกได้ ตัวอย่างเช่น ปรับแต่ง[[ยูน่า]] ซึ่งเป็นนักเวทมนตร์ขาว ให้สามารถโจมตีด้วยอาวุธได้อย่างรุนแรง หรือปรับแต่ง[[อารอน]] ที่เป็นนักดาบ ให้สามารถใช้เวทมนตร์ขาวได้ ในเกมฉบับ ''International'' และ PAL จะมีผังสเฟียร์แบบที่ซับซ้อนมากขึ้นให้ผู้เล่นเลือกใช้ได้ ซึ่งผังสเฟียร์แบบนี้ ตำแหน่งของตัวละครทุกตัวบนผังจะเริ่มต้นที่กึ่งกลางผัง และสามารถเลือกเคลื่อนที่ไปในเส้นทางใดก็ได้ แต่ก็มีจำนวน Node น้อยลง ทำให้ค่าสถานะที่สามารถเพิ่มระหว่างเกมนั้นลดลง<ref name="International">{{cite web|url=http://www.rpgfan.com/reviews/finalfantasy10-intl/index.html|title=Final Fantasy X International|publisher=[[RPGFan]]|first=James Quentin|last=Clark|date=2008-10-06|accessdate= 2008-11-23}}</ref>
ระบบผังสเฟียร์ยังทำให้ผู้เล่นสามารถปรับแต่งตัวละครให้แตกต่างไปจากบทบาทที่มีมาแต่แรกได้ ตัวอย่างเช่น ปรับแต่ง[[ยูน่า]] ซึ่งเป็นนักเวทมนตร์ขาว ให้สามารถโจมตีด้วยอาวุธได้อย่างรุนแรง หรือปรับแต่ง[[อารอน]] ที่เป็นนักดาบ ให้สามารถใช้เวทมนตร์ขาวได้ ในเกมฉบับ ''International'' และ PAL จะมีผังสเฟียร์แบบที่ซับซ้อนมากขึ้นให้ผู้เล่นเลือกใช้ได้ ซึ่งผังสเฟียร์แบบนี้ ตำแหน่งของตัวละครทุกตัวบนผังจะเริ่มต้นที่กึ่งกลางผัง และสามารถเลือกเคลื่อนที่ไปในเส้นทางใดก็ได้ แต่ก็มีจำนวน Node น้อยลง ทำให้ค่าสถานะที่สามารถเพิ่มระหว่างเกมนั้นลดลง<ref name="International">{{cite web|url=http://www.rpgfan.com/reviews/finalfantasy10-intl/index.html|title=Final Fantasy X International|publisher=[[RPGFan]]|first=James Quentin|last=Clark|date=2008-10-06|accessdate=2008-11-23|archive-date=2008-12-11|archive-url=https://web.archive.org/web/20081211012751/http://www.rpgfan.com/reviews/finalfantasy10-intl/index.html|url-status=dead}}</ref>


== โครงเรื่อง ==
== โครงเรื่อง ==
บรรทัด 86: บรรทัด 86:


== ดนตรี ==
== ดนตรี ==
''ไฟนอลแฟนตาซี X'' เป็นภาคหลักภาคแรกในซีรีส์ที่ [[โนะบุโอะ อุเอะมะสึ]] ผู้ประพันธ์เพลงประจำซีรีส์ มีส่วนร่วมในการแต่งดนตรีประกอบในเกม ผู้ประพันธ์ร่วมอีกสองคนในภาคนี้คือ [[มะซะชิ ฮะมะอุซุ]] และ[[จุนยะ นะกะโนะ]] ทั้งสองได้รับเลือกให้ทำหน้าที่นี้เนื่องจากความสามารถในการสร้างสรรค์ดนตรีที่แตกต่างไปจากรูปแบบของอุเอะมะสึโดยที่ยังคงสามารถทำงานร่วมกันได้<ref>{{cite web | title=Interview by RocketBaby.net | last=Huang|first=Michael | publisher=nobuouematsu.com | url=http://www.nobuouematsu.com/rbaby.html | accessdate=2008-11-23}}</ref> เว็บไซต์ Playonline.com ได้เปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า เพลงประจำเกมได้เสร็จสมบูรณ์แล้วในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ในขณะที่สแควร์ยังไม่ได้เปิดเผยว่าใครจะเป็นผู้ขับร้อง เว็บไซต์ [[Gamesport]] ได้ถามอุเอะมะสึเป็นการส่วนตัว และได้รับคำตอบติดตลกว่า "จะเป็น[[ร็อด สจ๊วต]]"<ref>{{cite web | title=FFX Theme Song Complete| author=Yukiyoshi Ike Sato|date=November 29, 2000 | publisher=[[GameSpot]] | url=http://www.gamespot.com/ps2/rpg/finalfantasy10/news.html?sid=2659176&mode=news| accessdate=July 1, 2010}}</ref>
''ไฟนอลแฟนตาซี X'' เป็นภาคหลักภาคแรกในซีรีส์ที่ [[โนะบุโอะ อุเอะมะสึ]] ผู้ประพันธ์เพลงประจำซีรีส์ มีส่วนร่วมในการแต่งดนตรีประกอบในเกม ผู้ประพันธ์ร่วมอีกสองคนในภาคนี้คือ [[มะซะชิ ฮะมะอุซุ]] และ[[จุนยะ นะกะโนะ]] ทั้งสองได้รับเลือกให้ทำหน้าที่นี้เนื่องจากความสามารถในการสร้างสรรค์ดนตรีที่แตกต่างไปจากรูปแบบของอุเอะมะสึโดยที่ยังคงสามารถทำงานร่วมกันได้<ref>{{cite web | title=Interview by RocketBaby.net | last=Huang | first=Michael | publisher=nobuouematsu.com | url=http://www.nobuouematsu.com/rbaby.html | accessdate=2008-11-23 | archive-date=2013-02-06 | archive-url=https://www.webcitation.org/6EDcH39Q9?url=http://www.nobuouematsu.com/rbaby.html | url-status=dead }}</ref> เว็บไซต์ Playonline.com ได้เปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า เพลงประจำเกมได้เสร็จสมบูรณ์แล้วในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ในขณะที่สแควร์ยังไม่ได้เปิดเผยว่าใครจะเป็นผู้ขับร้อง เว็บไซต์ [[Gamesport]] ได้ถามอุเอะมะสึเป็นการส่วนตัว และได้รับคำตอบติดตลกว่า "จะเป็น[[ร็อด สจ๊วต]]"<ref>{{cite web | title=FFX Theme Song Complete| author=Yukiyoshi Ike Sato|date=November 29, 2000 | publisher=[[GameSpot]] | url=http://www.gamespot.com/ps2/rpg/finalfantasy10/news.html?sid=2659176&mode=news| accessdate=July 1, 2010}}</ref>


ภายในเกมมีเพลงที่มีเสียงร้องอยู่สามเพลง หนึ่งในนั้นคือเพลง "Suteki da ne" เพลงรักแนว[[เจป๊อป]] ซึ่งในฉบับภาษาอังกฤษถูกแปลเป็น "Isn't it Wonderful?" เนื้อร้องแต่งโดย[[คะสุชิเงะ โนะจิมะ]] และประพันธ์ทำนองโดย[[อุเอะมะสึ]] ขับร้องโดย[[ริกกิ]] นักร้องเพลงโฟล์คชาวญี่ปุ่น ผู้ซึ่งได้รับเลือกจากฝ่ายดนตรีของเกมเนื่องมาจากแนวดนตรีประจำตัวที่สะท้อนถึงบรรยากาศแบบ[[โอะกินะวะ]]<ref>{{cite web|url=http://www.square-enix-usa.com/games/FFX/btg/creators.html#12|title=Nobuo Uematsu - Sound Producer & Music|publisher=[[Square Enix]]|accessdate=2008-11-24|archive-date=2009-04-10|archive-url=https://web.archive.org/web/20090410062859/http://www.square-enix-usa.com/games/FFX/btg/creators.html#12|url-status=dead}}</ref> "Suteki da ne" ถูกขับร้องเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งในเกมฉบับภาษาญี่ปุ่นและฉบับภาษาอังกฤษ และเพลงนี้ในฉบับวงดนตรียังได้ถูกนำไปใช้เป็นเพลงประกอบฉากจบ เช่นเดียวกับเพลง "Eyes on Me" จาก ''[[ไฟนอลแฟนตาซี VIII]]'' และเพลง "Melodies of Life" จาก ''[[ไฟนอลแฟนตาซี IX]]'' อีกสองเพลงที่มีเนื้อร้องได้แก่ เพลง "Otherworld" เพลงประกอบฉากเริ่มเกมแนวร็อคหนักแน่น ขับร้องเป็นภาษาอังกฤษโดย Bill Muir และเพลง "Hymn of the Fayth" เพลงแบบวนซ้ำไปมาที่ขับร้องโดยใช้ Japanese syllabary<ref>{{cite web | author=Gaan, Patrick; Schweitzer, Ben | title=Final Fantasy X OST | url=http://www.rpgfan.com/soundtracks/ff10ost/index.html | publisher=[[RPGFan]] | accessdate=2008-11-26}}</ref>
ภายในเกมมีเพลงที่มีเสียงร้องอยู่สามเพลง หนึ่งในนั้นคือเพลง "Suteki da ne" เพลงรักแนว[[เจป๊อป]] ซึ่งในฉบับภาษาอังกฤษถูกแปลเป็น "Isn't it Wonderful?" เนื้อร้องแต่งโดย[[คะสุชิเงะ โนะจิมะ]] และประพันธ์ทำนองโดย[[อุเอะมะสึ]] ขับร้องโดย[[ริกกิ]] นักร้องเพลงโฟล์คชาวญี่ปุ่น ผู้ซึ่งได้รับเลือกจากฝ่ายดนตรีของเกมเนื่องมาจากแนวดนตรีประจำตัวที่สะท้อนถึงบรรยากาศแบบ[[โอะกินะวะ]]<ref>{{cite web|url=http://www.square-enix-usa.com/games/FFX/btg/creators.html#12|title=Nobuo Uematsu - Sound Producer & Music|publisher=[[Square Enix]]|accessdate=2008-11-24|archive-date=2009-04-10|archive-url=https://web.archive.org/web/20090410062859/http://www.square-enix-usa.com/games/FFX/btg/creators.html#12|url-status=dead}}</ref> "Suteki da ne" ถูกขับร้องเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งในเกมฉบับภาษาญี่ปุ่นและฉบับภาษาอังกฤษ และเพลงนี้ในฉบับวงดนตรียังได้ถูกนำไปใช้เป็นเพลงประกอบฉากจบ เช่นเดียวกับเพลง "Eyes on Me" จาก ''[[ไฟนอลแฟนตาซี VIII]]'' และเพลง "Melodies of Life" จาก ''[[ไฟนอลแฟนตาซี IX]]'' อีกสองเพลงที่มีเนื้อร้องได้แก่ เพลง "Otherworld" เพลงประกอบฉากเริ่มเกมแนวร็อคหนักแน่น ขับร้องเป็นภาษาอังกฤษโดย Bill Muir และเพลง "Hymn of the Fayth" เพลงแบบวนซ้ำไปมาที่ขับร้องโดยใช้ Japanese syllabary<ref>{{cite web | author=Gaan, Patrick; Schweitzer, Ben | title=Final Fantasy X OST | url=http://www.rpgfan.com/soundtracks/ff10ost/index.html | publisher=[[RPGFan]] | accessdate=2008-11-26 | archive-date=2008-04-11 | archive-url=https://web.archive.org/web/20080411094058/http://rpgfan.com/soundtracks/ff10ost/index.html | url-status=dead }}</ref>


อัลบั้มรวมเพลงประกอบเกมประกอบด้วยแผ่นซีดีสี่เพลง มีเพลงทั้งหมด 91 เพลง วางจำหน่ายครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ [[1 สิงหาคม]] พ.ศ. 2544 โดยบริษัทดิจิคิวบ์ และวางจำหน่ายอีกครั้งเมื่อวันที่ [[10 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2547]] โดยสแควร์เอนิกซ์<ref name="RPGFOST">{{cite web | author=Gaan, Patrick; Schweitzer, Ben | title=Final Fantasy X OST | url=http://www.rpgfan.com/soundtracks/ff10ost/index.html | publisher=RPGFan | accessdate=March 4, 2008}}</ref> ใน [[พ.ศ. 2545]] บริษัท[[โตเกียวป๊อป]]ได้วางจำหน่าย ''Final Fantasy X Original Soundtrack'' ฉบับใหม่ในอเมริกาเหนือ โดยใช้ชื่อว่า ''Final Fantasy X Official Soundtrack'' ประกอบด้วยเพลง 17 เพลงจากอัลบั้มเดิม บรรจุลงในแผ่นซีดีแผ่นเดียว<ref name="RPGFOFS">{{cite web | author=Rzeminski, Lucy | title=Final Fantasy X Official Soundtrack | url=http://www.rpgfan.com/soundtracks/ff10-usa/index.html | publisher=RPGFan | accessdate=March 4, 2008}}</ref> นอกจากนี้ยังมีแผ่นซีดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเกม เช่น ''feel/Go dream: Yuna & Tidus'' วางจำหน่ายในญี่ปุ่นโดยดิจิคิวบ์ เมื่อวันที่ [[11 ตุลาคม]] พ.ศ. 2544 บรรจุเพลงประจำตัวของตัวละครทีดัสและยูน่า<ref name="RPGFFGD">{{cite web | title=feel/Go dream ~ Yuna & Tidus | url=http://www.rpgfan.com/soundtracks/ff10tribute/index.html | publisher=RPGFan | accessdate=March 4, 2008}}</ref> รวมถึงซีดี ''Piano Collections Final Fantasy X'' ซึ่งเป็นแผ่นรวมดนตรีจากเกมในอีกฉบับหนึ่ง<ref name="RPGFPC">{{cite web | author=Maas, Liz; Thomas, Damian | title=Piano Collections Final Fantasy X | url=http://www.rpgfan.com/soundtracks/ff10pc/index.html | publisher=RPGFan | accessdate=March 4, 2008}}</ref> และ ''Final Fantasy X Vocal Collection'' แผ่นรวมคำพูดและเพลงเฉพาะตัวละคร ทั้งสองแผ่นวางจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2545<ref name="RPGFVOC">{{cite web | author=Rzeminski, Lucy | title=Final Fantasy X Vocal Collection | url=http://www.rpgfan.com/soundtracks/ff10vc/index.html | publisher=RPGFan | accessdate=March 4, 2008}}</ref>
อัลบั้มรวมเพลงประกอบเกมประกอบด้วยแผ่นซีดีสี่เพลง มีเพลงทั้งหมด 91 เพลง วางจำหน่ายครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ [[1 สิงหาคม]] พ.ศ. 2544 โดยบริษัทดิจิคิวบ์ และวางจำหน่ายอีกครั้งเมื่อวันที่ [[10 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2547]] โดยสแควร์เอนิกซ์<ref name="RPGFOST">{{cite web | author=Gaan, Patrick; Schweitzer, Ben | title=Final Fantasy X OST | url=http://www.rpgfan.com/soundtracks/ff10ost/index.html | publisher=RPGFan | accessdate=March 4, 2008 | archive-date=2008-04-11 | archive-url=https://web.archive.org/web/20080411094058/http://rpgfan.com/soundtracks/ff10ost/index.html | url-status=dead }}</ref> ใน [[พ.ศ. 2545]] บริษัท[[โตเกียวป๊อป]]ได้วางจำหน่าย ''Final Fantasy X Original Soundtrack'' ฉบับใหม่ในอเมริกาเหนือ โดยใช้ชื่อว่า ''Final Fantasy X Official Soundtrack'' ประกอบด้วยเพลง 17 เพลงจากอัลบั้มเดิม บรรจุลงในแผ่นซีดีแผ่นเดียว<ref name="RPGFOFS">{{cite web | author=Rzeminski, Lucy | title=Final Fantasy X Official Soundtrack | url=http://www.rpgfan.com/soundtracks/ff10-usa/index.html | publisher=RPGFan | accessdate=March 4, 2008 | archive-date=2008-04-11 | archive-url=https://web.archive.org/web/20080411094053/http://rpgfan.com/soundtracks/ff10-usa/index.html | url-status=dead }}</ref> นอกจากนี้ยังมีแผ่นซีดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเกม เช่น ''feel/Go dream: Yuna & Tidus'' วางจำหน่ายในญี่ปุ่นโดยดิจิคิวบ์ เมื่อวันที่ [[11 ตุลาคม]] พ.ศ. 2544 บรรจุเพลงประจำตัวของตัวละครทีดัสและยูน่า<ref name="RPGFFGD">{{cite web | title=feel/Go dream ~ Yuna & Tidus | url=http://www.rpgfan.com/soundtracks/ff10tribute/index.html | publisher=RPGFan | accessdate=March 4, 2008 | archive-date=2008-04-09 | archive-url=https://web.archive.org/web/20080409233605/http://www.rpgfan.com/soundtracks/ff10tribute/index.html | url-status=dead }}</ref> รวมถึงซีดี ''Piano Collections Final Fantasy X'' ซึ่งเป็นแผ่นรวมดนตรีจากเกมในอีกฉบับหนึ่ง<ref name="RPGFPC">{{cite web | author=Maas, Liz; Thomas, Damian | title=Piano Collections Final Fantasy X | url=http://www.rpgfan.com/soundtracks/ff10pc/index.html | publisher=RPGFan | accessdate=March 4, 2008 | archive-date=2008-04-16 | archive-url=https://web.archive.org/web/20080416045329/http://www.rpgfan.com/soundtracks/ff10pc/index.html | url-status=dead }}</ref> และ ''Final Fantasy X Vocal Collection'' แผ่นรวมคำพูดและเพลงเฉพาะตัวละคร ทั้งสองแผ่นวางจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2545<ref name="RPGFVOC">{{cite web | author=Rzeminski, Lucy | title=Final Fantasy X Vocal Collection | url=http://www.rpgfan.com/soundtracks/ff10vc/index.html | publisher=RPGFan | accessdate=March 4, 2008 | archive-date=2008-04-16 | archive-url=https://web.archive.org/web/20080416052227/http://www.rpgfan.com/soundtracks/ff10vc/index.html | url-status=dead }}</ref>


วงดนตรี [[The Black Mages]] นำโดยโนะบุโอะ อุเอะมะสึ ซึ่งมีบทบาทในการปรับแต่งดนตรีจากซีรีส์เกม ''ไฟนอลแฟนตาซี'' ให้เป็นแนวร็อค ได้ปรับแต่งดนตรีของบทเพลงสามเพลงจาก ''ไฟนอลแฟนตาซี X'' ขึ้นมาใหม่เช่นกัน โดยเพลงเหล่านั้นได้แก่ เพลง "Fight with Seymour" จากอัลบั้มชื่อเดียวกับวงที่ออกใน พ.ศ. 2546<ref name="u-7">(February 19, 2003). ''The Black Mages''. DigiCube. SSCX-10080</ref> อีกสองเพลงคือ "Otherworld" และ "The Skies Above" ทั้งสองเพลงบรรจุในอัลบั้ม ''The Skies Above'' ที่ออกใน พ.ศ. 2547<ref name="u-8">(December 22, 2004). ''The Black Mages II: The Skies Above''. Universal Music. UPCH-1377</ref> อุเอะมะสึยังได้นำบทเพลงเหล่านี้ไปแสดงในซีรีส์คอนเสิร์ต ''Dear Friends: Music from Final Fantasy''<ref name="u-9">{{cite web | author=Schnieder, Peer | title=Dear Friends: Music from Final Fantasy | publisher=IGN | date=May 11, 2005 | url=http://music.ign.com/articles/513/513292p1.html | accessdate=March 1, 2006 | archive-date=2007-03-22 | archive-url=https://web.archive.org/web/20070322135336/http://music.ign.com/articles/513/513292p1.html | url-status=dead }}</ref> และบทเพลงจาก ''ไฟนอลแฟนตาซี X'' ยังได้ถูกรวมอยู่ในการแสดงสดหลายครั้ง เช่น คอนเสิร์ต ''20020220 Music from Final Fantasy'' ซึ่งเป็นการแสดงบรรเลงดนตรีจากซีรีส์ไฟนอลแฟนตาซี รวมถึงหลายบทเพลงจาก ''ไฟนอลแฟนตาซี X''<ref name="u-10">{{cite web| url=http://www.rpgfan.com/soundtracks/20020220/index.html|title=20020220 - Music from FINAL FANTASY| publisher=RPGFan| accessdate=April 1, 2007}}</ref> นอกจากนี้ ยังมีเพลง "Swing de Chocobo" ที่นำไปบรรเลงในคอนเสิร์ต ''Distant Worlds - Music from Final Fantasy'' โดยวงดนตรี [[Royal Stockholm Philharmonic Orchestra]]<ref name="u-11">{{cite web|url= http://www.squareenixmusic.com/albums/f/ffdistantworlds.shtml|title=Distant Worlds - Music from Final Fantasy - Album Information |publisher=Square Enix Music Online|accessdate=February 22, 2008}}</ref> และเพลง "Zanarkand" บรรเลงในคอนเสิร์ต ''Tour de Japon: Music from Final Fantasy'' โดยวงดนตรี [[New Japan Philharmonic Orchestra]]<ref name="u-12">{{cite web|url=http://www.squareenixmusic.com/albums/dvds/tourdejapon.shtml|title=Album Information - Tour de Japon: Music from Final Fantasy DVD|publisher=Square Enix Music Online|accessdate=February 22, 2008}}</ref>
วงดนตรี [[The Black Mages]] นำโดยโนะบุโอะ อุเอะมะสึ ซึ่งมีบทบาทในการปรับแต่งดนตรีจากซีรีส์เกม ''ไฟนอลแฟนตาซี'' ให้เป็นแนวร็อค ได้ปรับแต่งดนตรีของบทเพลงสามเพลงจาก ''ไฟนอลแฟนตาซี X'' ขึ้นมาใหม่เช่นกัน โดยเพลงเหล่านั้นได้แก่ เพลง "Fight with Seymour" จากอัลบั้มชื่อเดียวกับวงที่ออกใน พ.ศ. 2546<ref name="u-7">(February 19, 2003). ''The Black Mages''. DigiCube. SSCX-10080</ref> อีกสองเพลงคือ "Otherworld" และ "The Skies Above" ทั้งสองเพลงบรรจุในอัลบั้ม ''The Skies Above'' ที่ออกใน พ.ศ. 2547<ref name="u-8">(December 22, 2004). ''The Black Mages II: The Skies Above''. Universal Music. UPCH-1377</ref> อุเอะมะสึยังได้นำบทเพลงเหล่านี้ไปแสดงในซีรีส์คอนเสิร์ต ''Dear Friends: Music from Final Fantasy''<ref name="u-9">{{cite web | author=Schnieder, Peer | title=Dear Friends: Music from Final Fantasy | publisher=IGN | date=May 11, 2005 | url=http://music.ign.com/articles/513/513292p1.html | accessdate=March 1, 2006 | archive-date=2007-03-22 | archive-url=https://web.archive.org/web/20070322135336/http://music.ign.com/articles/513/513292p1.html | url-status=dead }}</ref> และบทเพลงจาก ''ไฟนอลแฟนตาซี X'' ยังได้ถูกรวมอยู่ในการแสดงสดหลายครั้ง เช่น คอนเสิร์ต ''20020220 Music from Final Fantasy'' ซึ่งเป็นการแสดงบรรเลงดนตรีจากซีรีส์ไฟนอลแฟนตาซี รวมถึงหลายบทเพลงจาก ''ไฟนอลแฟนตาซี X''<ref name="u-10">{{cite web| url=http://www.rpgfan.com/soundtracks/20020220/index.html| title=20020220 - Music from FINAL FANTASY| publisher=RPGFan| accessdate=April 1, 2007| archive-date=2013-01-20| archive-url=https://web.archive.org/web/20130120065018/http://rpgfan.com/soundtracks/20020220/index.html| url-status=dead}}</ref> นอกจากนี้ ยังมีเพลง "Swing de Chocobo" ที่นำไปบรรเลงในคอนเสิร์ต ''Distant Worlds - Music from Final Fantasy'' โดยวงดนตรี [[Royal Stockholm Philharmonic Orchestra]]<ref name="u-11">{{cite web|url= http://www.squareenixmusic.com/albums/f/ffdistantworlds.shtml|title=Distant Worlds - Music from Final Fantasy - Album Information |publisher=Square Enix Music Online|accessdate=February 22, 2008}}</ref> และเพลง "Zanarkand" บรรเลงในคอนเสิร์ต ''Tour de Japon: Music from Final Fantasy'' โดยวงดนตรี [[New Japan Philharmonic Orchestra]]<ref name="u-12">{{cite web|url=http://www.squareenixmusic.com/albums/dvds/tourdejapon.shtml|title=Album Information - Tour de Japon: Music from Final Fantasy DVD|publisher=Square Enix Music Online|accessdate=February 22, 2008}}</ref>


== Versions และสินค้า ==
== Versions และสินค้า ==


''ไฟนอลแฟนตาซี X'' ฉบับภาษาญี่ปุ่นจะมีแผ่นซีดีชื่อ "The Other Side of Final Fantasy" แนบมาพร้อมกับแผ่นเกม ภายในแผ่นประกอบด้วยบทสัมภาษณ์ Storyboards ตัวอย่างของเกม ''[[Blue Wing Blitz]]'' และ ''[[คิงดอมฮารตส์]]'' ตัวอย่างภาพยนตร์ ''[[Final Fantasy: The Spirits Within]]'' และภาพยนตร์ตัวอย่างแรกของเกม ''[[ไฟนอลแฟนตาซี XI]]''<ref>{{cite web | url=http://www.rpgfan.com/news/2001/1259.html | title=Final Fantasy X Ships, Includes FFXI Trailer | date=2001-07-19 | author=Chronologist | publisher=[[RPGFan]]| accessdate=2008-11-23}}</ref> ในเดือนมกราคม [[พ.ศ. 2545]] เกมฉบับ International ได้วางจำหน่ายในญี่ปุ่นภายใต้ชื่อ ''"Final Fantasy X International"'' และวางจำหน่ายใน [[PAL]] territories ภายใต้ชื่อเดิม ฉบับ International นี้ได้มีสิ่งใหม่ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาจากฉบับ [[NTSC]] เดิม ซึ่งรวมถึงการต่อสู้กับสัตว์อสูรภาคมืด และการต่อสู้กับบอสพิเศษ "Penance" บนเรือเหาะ<ref name="International">{{cite web|url=http://www.rpgfan.com/reviews/finalfantasy10-intl/index.html|title=Final Fantasy X International|publisher=[[RPGFan]]|first=James Quentin|last=Clark|date=2008-10-06|accessdate= 2008-11-23}}</ref> ฉบับ International ที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่นยังได้เพิ่มคลิปวิดีโอชื่อว่า "Eternal Calm" ความยาว 14 นาที ที่เชื่อมโยงเนื้อเรื่องของ ''ไฟนอลแฟนตาซี X'' ไปสู่ ''[[ไฟนอลแฟนตาซี X-2]]'' ที่เป็นภาคต่อ<ref name="FFX-2">{{cite web | last=Dunham | first=Jeremy | date=2003-11-24 | title=Final Fantasy X-2 Developer Interview | url=http://ps2.ign.com/articles/442/442025p1.html | publisher=[[IGN]] | accessdate=2008-11-24 | archive-date=2013-03-10 | archive-url=https://www.webcitation.org/6F0AnRCtY?url=http://www.ign.com/articles/2003/11/25/final-fantasy-x-2-developer-interview | url-status=dead }}</ref> คลิปวิดีโอนี้ยังได้บันทึกลงในแผ่นดีวีดีที่แนบไปพร้อมกับแผ่นเกม ''[[Unlimited Saga]]'' ฉบับนักสะสม โดยใช้ชื่อว่า ''"Eternal Calm, Final Fantasy X-2: Prologue"'' ซึ่งวางจำหน่ายครั้งแรกในยุโรปเมื่อวันที่ [[31 ตุลาคม]] [[พ.ศ. 2546]] และบันทึกเสียงในคลิปเป็นภาษาอังกฤษ<ref>{{cite web|url=http://www.gamespot.com/ps2/rpg/unlimitedsaga/news.html?sid=6074857&om_act=convert&om_clk=newsfeatures&tag=newsfeatures;title;1|title=Final Fantasy X-2: Prologue for US and Europe|publisher=[[GameSpot]]|first=Justin|last=Calvert|date=2003-09-10|accessdate=2008-11-26}}</ref>
''ไฟนอลแฟนตาซี X'' ฉบับภาษาญี่ปุ่นจะมีแผ่นซีดีชื่อ "The Other Side of Final Fantasy" แนบมาพร้อมกับแผ่นเกม ภายในแผ่นประกอบด้วยบทสัมภาษณ์ Storyboards ตัวอย่างของเกม ''[[Blue Wing Blitz]]'' และ ''[[คิงดอมฮารตส์]]'' ตัวอย่างภาพยนตร์ ''[[Final Fantasy: The Spirits Within]]'' และภาพยนตร์ตัวอย่างแรกของเกม ''[[ไฟนอลแฟนตาซี XI]]''<ref>{{cite web | url=http://www.rpgfan.com/news/2001/1259.html | title=Final Fantasy X Ships, Includes FFXI Trailer | date=2001-07-19 | author=Chronologist | publisher=[[RPGFan]] | accessdate=2008-11-23 | archive-date=2009-02-06 | archive-url=https://web.archive.org/web/20090206001731/http://www.rpgfan.com/news/2001/1259.html | url-status=dead }}</ref> ในเดือนมกราคม [[พ.ศ. 2545]] เกมฉบับ International ได้วางจำหน่ายในญี่ปุ่นภายใต้ชื่อ ''"Final Fantasy X International"'' และวางจำหน่ายใน [[PAL]] territories ภายใต้ชื่อเดิม ฉบับ International นี้ได้มีสิ่งใหม่ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาจากฉบับ [[NTSC]] เดิม ซึ่งรวมถึงการต่อสู้กับสัตว์อสูรภาคมืด และการต่อสู้กับบอสพิเศษ "Penance" บนเรือเหาะ<ref name="International"/> ฉบับ International ที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่นยังได้เพิ่มคลิปวิดีโอชื่อว่า "Eternal Calm" ความยาว 14 นาที ที่เชื่อมโยงเนื้อเรื่องของ ''ไฟนอลแฟนตาซี X'' ไปสู่ ''[[ไฟนอลแฟนตาซี X-2]]'' ที่เป็นภาคต่อ<ref name="FFX-2">{{cite web | last=Dunham | first=Jeremy | date=2003-11-24 | title=Final Fantasy X-2 Developer Interview | url=http://ps2.ign.com/articles/442/442025p1.html | publisher=[[IGN]] | accessdate=2008-11-24 | archive-date=2013-03-10 | archive-url=https://www.webcitation.org/6F0AnRCtY?url=http://www.ign.com/articles/2003/11/25/final-fantasy-x-2-developer-interview | url-status=dead }}</ref> คลิปวิดีโอนี้ยังได้บันทึกลงในแผ่นดีวีดีที่แนบไปพร้อมกับแผ่นเกม ''[[Unlimited Saga]]'' ฉบับนักสะสม โดยใช้ชื่อว่า ''"Eternal Calm, Final Fantasy X-2: Prologue"'' ซึ่งวางจำหน่ายครั้งแรกในยุโรปเมื่อวันที่ [[31 ตุลาคม]] [[พ.ศ. 2546]] และบันทึกเสียงในคลิปเป็นภาษาอังกฤษ<ref>{{cite web|url=http://www.gamespot.com/ps2/rpg/unlimitedsaga/news.html?sid=6074857&om_act=convert&om_clk=newsfeatures&tag=newsfeatures;title;1|title=Final Fantasy X-2: Prologue for US and Europe|publisher=[[GameSpot]]|first=Justin|last=Calvert|date=2003-09-10|accessdate=2008-11-26}}</ref>


เกมฉบับ International และ PAL มีแผ่นดีวีดีพิเศษชื่อว่า "Beyond Final Fantasy" แนบมาด้วย ภายในแผ่นประกอบด้วยบทสัมภาษณ์ผู้พัฒนาเกม และผู้ให้เสียงพากษ์ตัวละครเป็นภาษาอังกฤษสองคน ได้แก่ [[เจมส์ อาร์โนลด์ เทย์เลอร์]] (ทีดัส) และ[[เฮดี เบอร์เรสส์]] (ยูน่า) และยังมีภาพยนตร์ตัวอย่างของ ''ไฟนอลแฟนตาซี X'' และ ''คิงดอมฮารตส์'' ภาพร่างและภาพที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์เกม และมิวสิกวิดีโอเพลง "Suteki da ne" ขับร้องโดย[[ริกกิ]]<ref>{{cite web | last=Witham | first=Joseph | title=Final Fantasy X International Europe Bound | url=http://rpgamer.com/news/Q1-2002/031602a.html | publisher=[[RPGamer]] | accessdate=November 23, 2008 | archive-date=2009-01-04 | archive-url=https://web.archive.org/web/20090104215113/http://www.rpgamer.com/news/Q1-2002/031602a.html | url-status=dead }}</ref> ใน [[พ.ศ. 2548]] ได้มีการรวมเอา ''ไฟนอลแฟนตาซี X'' และ ''ไฟนอลแฟนตาซี X-2'' มาวางจำหน่ายเป็นชุดเดียวกันในญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ ''Final Fantasy X/X-2 Ultimate Box''<ref>{{cite web|url=http://ps2.ign.com/articles/630/630790p1.html|title=Square Enix Announces Ultimate Hits Collection|publisher=[[IGN]]|last=Gantayat|first=Anoop|date=July 1, 2005|accessdate=November 23, 2008}}</ref>
เกมฉบับ International และ PAL มีแผ่นดีวีดีพิเศษชื่อว่า "Beyond Final Fantasy" แนบมาด้วย ภายในแผ่นประกอบด้วยบทสัมภาษณ์ผู้พัฒนาเกม และผู้ให้เสียงพากษ์ตัวละครเป็นภาษาอังกฤษสองคน ได้แก่ [[เจมส์ อาร์โนลด์ เทย์เลอร์]] (ทีดัส) และ[[เฮดี เบอร์เรสส์]] (ยูน่า) และยังมีภาพยนตร์ตัวอย่างของ ''ไฟนอลแฟนตาซี X'' และ ''คิงดอมฮารตส์'' ภาพร่างและภาพที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์เกม และมิวสิกวิดีโอเพลง "Suteki da ne" ขับร้องโดย[[ริกกิ]]<ref>{{cite web | last=Witham | first=Joseph | title=Final Fantasy X International Europe Bound | url=http://rpgamer.com/news/Q1-2002/031602a.html | publisher=[[RPGamer]] | accessdate=November 23, 2008 | archive-date=2009-01-04 | archive-url=https://web.archive.org/web/20090104215113/http://www.rpgamer.com/news/Q1-2002/031602a.html | url-status=dead }}</ref> ใน [[พ.ศ. 2548]] ได้มีการรวมเอา ''ไฟนอลแฟนตาซี X'' และ ''ไฟนอลแฟนตาซี X-2'' มาวางจำหน่ายเป็นชุดเดียวกันในญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ ''Final Fantasy X/X-2 Ultimate Box''<ref>{{cite web|url=http://ps2.ign.com/articles/630/630790p1.html|title=Square Enix Announces Ultimate Hits Collection|publisher=[[IGN]]|last=Gantayat|first=Anoop|date=July 1, 2005|accessdate=November 23, 2008}}</ref>
บรรทัด 115: บรรทัด 115:
| GSpot = 9.3/10<ref name="GSpot">{{cite web|url=http://www.gamespot.com/ps2/rpg/finalfantasy10/review.html?om_act=convert&om_clk=tabs&tag=tabs;reviews |title=Final Fantasy X Review |first=Greg |last=Kasavin |date=December 14, 2001 |work=GameSpot |publisher=CBS Interactive |accessdate=November 23, 2008 |url-status=dead |archiveurl=https://web.archive.org/web/20090212230738/http://www.gamespot.com/ps2/rpg/finalfantasy10/review.html?om_act=convert&om_clk=tabs&tag=tabs%3Breviews |archivedate=February 12, 2009 }}</ref>
| GSpot = 9.3/10<ref name="GSpot">{{cite web|url=http://www.gamespot.com/ps2/rpg/finalfantasy10/review.html?om_act=convert&om_clk=tabs&tag=tabs;reviews |title=Final Fantasy X Review |first=Greg |last=Kasavin |date=December 14, 2001 |work=GameSpot |publisher=CBS Interactive |accessdate=November 23, 2008 |url-status=dead |archiveurl=https://web.archive.org/web/20090212230738/http://www.gamespot.com/ps2/rpg/finalfantasy10/review.html?om_act=convert&om_clk=tabs&tag=tabs%3Breviews |archivedate=February 12, 2009 }}</ref>
| GSpy = {{Rating|4|5}}<ref name="GSpy">{{cite web|url=http://ps2.gamespy.com/playstation-2/final-fantasy-x/539181p1.html |title=Final Fantasy X Review |publisher=GameSpy |first=Raymond |last=Padilla |date=December 15, 2001 |accessdate=November 20, 2008 |url-status=live |archiveurl=https://archive.today/20120715100636/http://ps2.gamespy.com/playstation-2/final-fantasy-x/539181p1.html |archivedate=July 15, 2012 }}</ref>
| GSpy = {{Rating|4|5}}<ref name="GSpy">{{cite web|url=http://ps2.gamespy.com/playstation-2/final-fantasy-x/539181p1.html |title=Final Fantasy X Review |publisher=GameSpy |first=Raymond |last=Padilla |date=December 15, 2001 |accessdate=November 20, 2008 |url-status=live |archiveurl=https://archive.today/20120715100636/http://ps2.gamespy.com/playstation-2/final-fantasy-x/539181p1.html |archivedate=July 15, 2012 }}</ref>
| IGN = 9.5/10<ref name="IGN">{{cite web |url=http://ps2.ign.com/articles/164/164008p1.html |title=IGN: Final Fantasy X Review |first=Daniel |last=Smith |date=December 18, 2001 |publisher=[[IGN]] |accessdate=January 12, 2009 |archive-date=2012-07-18 |archive-url=https://archive.is/20120718220424/http://ps2.ign.com/articles/164/164008p1.html |url-status=dead }}</ref>
| IGN = 9.5/10<ref name="IGN">{{cite web |url=http://ps2.ign.com/articles/164/164008p1.html |title=IGN: Final Fantasy X Review |first=Daniel |last=Smith |date=December 18, 2001 |publisher=[[IGN]] |accessdate=January 12, 2009 |archive-date=2012-07-18 |archive-url=https://archive.today/20120718220424/http://ps2.ign.com/articles/164/164008p1.html |url-status=dead }}</ref>
| GR = 91%<ref name="gr">{{cite web|url=http://www.gamerankings.com/htmlpages2/197344.asp?q=final%20fantasy%20x|title=Final Fantasy X Reviews|publisher=[[Game Rankings]]|accessdate=November 24, 2008}}</ref>
| GR = 91%<ref name="gr">{{cite web|url=http://www.gamerankings.com/htmlpages2/197344.asp?q=final%20fantasy%20x|title=Final Fantasy X Reviews|publisher=[[Game Rankings]]|accessdate=November 24, 2008}}</ref>
| MC = 92/100<ref name="mc">{{cite web | title=Final Fantasy X (ps2: 2001): Reviews | url=http://www.metacritic.com/games/platforms/ps2/finalfantasyx?q=Final%20Fantasy%20X | publisher=[[Metacritic]] | accessdate=November 23, 2008}}</ref>
| MC = 92/100<ref name="mc">{{cite web | title=Final Fantasy X (ps2: 2001): Reviews | url=http://www.metacritic.com/games/platforms/ps2/finalfantasyx?q=Final%20Fantasy%20X | publisher=[[Metacritic]] | accessdate=November 23, 2008 | archive-date=2008-09-17 | archive-url=https://web.archive.org/web/20080917185724/http://www.metacritic.com/games/platforms/ps2/finalfantasyx?q=Final%20Fantasy%20X | url-status=dead }}</ref>
}}
}}


''ไฟนอลแฟนตาซี X'' ได้รับทั้งคำชมเชยจากสื่อต่างๆ และยอดจำหน่ายที่สูง หลังจากวางจำหน่ายในญี่ปุ่นได้สี่วันก็สามารถจำหน่ายจากการสั่งจองล่วงหน้าได้มากกว่า 1.4 ล้านแผ่น จัดเป็นเกม Console RPG ที่จำหน่ายได้รวดเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์<ref>{{cite web | author=IGN Staff | date=July 19, 2001 | title=Final Fantasy X Sells Like Crazy; World Not Shocked | url=http://ps2.ign.com/articles/096/096716p1.html | publisher=[[IGN]] | accessdate=November 24, 2008}}</ref><ref name="GWR08-RPG">{{cite book|editor= Craig Glenday| title= Guinness World Records Gamer's Edition 2008| series= [[Guinness World Records]]| date= March 11, 2008| publisher= Guinness|isbn= 978-1-904994-21-3| pages= 156–167| chapter= Record Breaking Games: Role-Playing Games}}</ref> สถิตินี้นับว่าเร็วกว่า ''[[ไฟนอลแฟนตาซี VII]]'' และ ''[[ไฟนอลแฟนตาซี IX]]'' เมื่อเปรียบเทียบที่ยอดจำหน่ายสี่วันหลังวางจำหน่ายเหมือนกัน<ref>{{cite web | author=IGN Staff | date=July 24, 2001 | title=Final Fantasy X Approaches 2 Million Copies Sold | url=http://ps2.ign.com/articles/096/096825p1.html | publisher=[[IGN]] | accessdate=November 24, 2008}}</ref> และยังเป็นเกมสำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน 2 เกมแรกที่สามารถจำหน่ายได้ถึงสี่ล้านแผ่น<ref>{{cite web | author=IGN Staff | date=January 7, 2001 | title=FFX Tops Sales Charts | url=http://ps2.ign.com/articles/100/100730p1.html | publisher=[[IGN]] | accessdate=November 24, 2008}}</ref><ref>{{cite web | last=Varanini|first=Giancarlo | date=January 30, 2002 | title=Final Fantasy X sales meet expectations | url=http://www.gamespot.com/ps2/rpg/finalfantasy10/news.html?sid=2843955 | publisher=[[GameSpot]] | accessdate=November 24, 2008}}</ref> และในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 ยังได้ถูกจัดอันดับเป็นเกมสำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน 2 ที่ขายดีเป็นอันดับที่แปด<ref>{{cite web | last=Androvich|first=Mark | date=October 26, 2007 | title=PS2 celebrates 7th anniversary | url=http://www.gamesindustry.biz/content_page.php?aid=29985 |publisher=Gamesindustry.biz | accessdate=November 24, 2008}}</ref> เมื่อถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2547 ก็มียอดจำหน่าย 6.6 ล้านแผ่น<ref>{{cite web |url=http://www.gamespot.com/ps2/rpg/finalfantasyx2/news_6086686.html |title=Final Fantasy X-2 sells a million |publisher=[[GameSpot]] |first=Justin|last=Calvert |date= January 20, 2004|accessdate=November 24, 2008}}</ref> นอกจากนี้ ''ไฟนอลแฟนตาซี X'' ยังได้รับรางวัลและการจัดอันดับอันดับจากสื่อต่างๆ ได้แก่
''ไฟนอลแฟนตาซี X'' ได้รับทั้งคำชมเชยจากสื่อต่างๆ และยอดจำหน่ายที่สูง หลังจากวางจำหน่ายในญี่ปุ่นได้สี่วันก็สามารถจำหน่ายจากการสั่งจองล่วงหน้าได้มากกว่า 1.4 ล้านแผ่น จัดเป็นเกม Console RPG ที่จำหน่ายได้รวดเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์<ref>{{cite web | author=IGN Staff | date=July 19, 2001 | title=Final Fantasy X Sells Like Crazy; World Not Shocked | url=http://ps2.ign.com/articles/096/096716p1.html | publisher=[[IGN]] | accessdate=November 24, 2008}}</ref><ref name="GWR08-RPG">{{cite book|editor= Craig Glenday| title= Guinness World Records Gamer's Edition 2008|url= https://archive.org/details/guinnessworldrec00guin_0| series= [[Guinness World Records]]| date= March 11, 2008| publisher= Guinness|isbn= 978-1-904994-21-3| pages= [https://archive.org/details/guinnessworldrec00guin_0/page/156 156]–167| chapter= Record Breaking Games: Role-Playing Games}}</ref> สถิตินี้นับว่าเร็วกว่า ''[[ไฟนอลแฟนตาซี VII]]'' และ ''[[ไฟนอลแฟนตาซี IX]]'' เมื่อเปรียบเทียบที่ยอดจำหน่ายสี่วันหลังวางจำหน่ายเหมือนกัน<ref>{{cite web | author=IGN Staff | date=July 24, 2001 | title=Final Fantasy X Approaches 2 Million Copies Sold | url=http://ps2.ign.com/articles/096/096825p1.html | publisher=[[IGN]] | accessdate=November 24, 2008}}</ref> และยังเป็นเกมสำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน 2 เกมแรกที่สามารถจำหน่ายได้ถึงสี่ล้านแผ่น<ref>{{cite web | author=IGN Staff | date=January 7, 2001 | title=FFX Tops Sales Charts | url=http://ps2.ign.com/articles/100/100730p1.html | publisher=[[IGN]] | accessdate=November 24, 2008}}</ref><ref>{{cite web | last=Varanini|first=Giancarlo | date=January 30, 2002 | title=Final Fantasy X sales meet expectations | url=http://www.gamespot.com/ps2/rpg/finalfantasy10/news.html?sid=2843955 | publisher=[[GameSpot]] | accessdate=November 24, 2008}}</ref> และในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 ยังได้ถูกจัดอันดับเป็นเกมสำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน 2 ที่ขายดีเป็นอันดับที่แปด<ref>{{cite web | last=Androvich | first=Mark | date=October 26, 2007 | title=PS2 celebrates 7th anniversary | url=http://www.gamesindustry.biz/content_page.php?aid=29985 | publisher=Gamesindustry.biz | accessdate=November 24, 2008 | archive-date=2009-02-05 | archive-url=https://web.archive.org/web/20090205214255/http://www.gamesindustry.biz/articles/ps2-celebrates-seventh-anniversary | url-status=dead }}</ref> เมื่อถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2547 ก็มียอดจำหน่าย 6.6 ล้านแผ่น<ref>{{cite web |url=http://www.gamespot.com/ps2/rpg/finalfantasyx2/news_6086686.html |title=Final Fantasy X-2 sells a million |publisher=[[GameSpot]] |first=Justin|last=Calvert |date= January 20, 2004|accessdate=November 24, 2008}}</ref> นอกจากนี้ ''ไฟนอลแฟนตาซี X'' ยังได้รับรางวัลและการจัดอันดับอันดับจากสื่อต่างๆ ได้แก่
* ได้รับรางวัลเกมยอดเยี่ยมประจำ พ.ศ. 2544-2545 จาก [[:ja:日本ゲーム大賞|CESA GAME AWARDS]]<ref>{{cite web | title=最優秀賞は「FF10」!! 「第6回 CESA GAME AWARDS」授賞式 | url=http://www.gpara.com/news/02/10/news200210280717.htm | publisher=GPARA.COM | accessdate=May 28, 2009}}</ref>
* ได้รับรางวัลเกมยอดเยี่ยมประจำ พ.ศ. 2544-2545 จาก [[:ja:日本ゲーム大賞|CESA GAME AWARDS]]<ref>{{cite web | title=最優秀賞は「FF10」!! 「第6回 CESA GAME AWARDS」授賞式 | url=http://www.gpara.com/news/02/10/news200210280717.htm | publisher=GPARA.COM | accessdate=May 28, 2009 | archive-date=2011-08-26 | archive-url=https://web.archive.org/web/20110826011503/http://www.gpara.com/news/02/10/news200210280717.htm | url-status=dead }}</ref>
* ได้อันดับที่เจ็ดในหมวดหมู่ "10 วิดีโอเกมยอดเยี่ยมแห่งปี" จากการจัดอันดับ "Best and Worst Awards" ประจำ พ.ศ. 2544 โดยเว็บไซต์ [[GameSpot]]<ref>{{cite web|url=http://www.gamespot.com/gamespot/features/video/bestof_2001/p6_02.html|title=The Best and Worst of 2001 |publisher=[[GameSpot]]| accessdate=July 6, 2010}}</ref>
* ได้อันดับที่เจ็ดในหมวดหมู่ "10 วิดีโอเกมยอดเยี่ยมแห่งปี" จากการจัดอันดับ "Best and Worst Awards" ประจำ พ.ศ. 2544 โดยเว็บไซต์ [[GameSpot]]<ref>{{cite web|url=http://www.gamespot.com/gamespot/features/video/bestof_2001/p6_02.html|title=The Best and Worst of 2001|publisher=[[GameSpot]]|accessdate=July 6, 2010|archive-date=2012-05-20|archive-url=https://www.webcitation.org/67n51slHZ?url=http://www.gamespot.com/gamespot/features/video/bestof_2001/p6_02.html|url-status=dead}}</ref>
* ได้อันดับที่ห้าในหมวดหมู่ "25 เกมเพลย์สเตชัน 2 ยอดเยี่ยมตลอดกาล" และอันดับที่หกในหมวดหมู่ "10 วิดีโอเกมยอดเยี่ยมแห่งปี" ใน พ.ศ. 2550 โดยเว็บไซต์ [[IGN]]<ref>{{cite web | author=IGN PlayStation Team | date=March 16, 2007 | url=http://ps2.ign.com/articles/772/772296p3.html | title=The Top 25 PS2 Games of All Time | publisher=[[IGN]] | accessdate=November 24, 2008 | archive-date=2009-02-28 | archive-url=https://web.archive.org/web/20090228201618/http://ps2.ign.com/articles/772/772296p3.html | url-status=dead }}</ref><ref>{{cite web | date=March 16, 2007 | url=http://ps2.ign.com/articles/606/606189p2.html| title=The Top 10 Best Looking PS2 Games of All Time| publisher=[[IGN]] | accessdate=June 29, 2010|date=May 7, 2010}}</ref>
* ได้อันดับที่ห้าในหมวดหมู่ "25 เกมเพลย์สเตชัน 2 ยอดเยี่ยมตลอดกาล" และอันดับที่หกในหมวดหมู่ "10 วิดีโอเกมยอดเยี่ยมแห่งปี" ใน พ.ศ. 2550 โดยเว็บไซต์ [[IGN]]<ref>{{cite web | author=IGN PlayStation Team | date=March 16, 2007 | url=http://ps2.ign.com/articles/772/772296p3.html | title=The Top 25 PS2 Games of All Time | publisher=[[IGN]] | accessdate=November 24, 2008 | archive-date=2009-02-28 | archive-url=https://web.archive.org/web/20090228201618/http://ps2.ign.com/articles/772/772296p3.html | url-status=dead }}</ref><ref>{{cite web | date=March 16, 2007 | url=http://ps2.ign.com/articles/606/606189p2.html| title=The Top 10 Best Looking PS2 Games of All Time| publisher=[[IGN]] | accessdate=June 29, 2010|date=May 7, 2010}}</ref>
* ได้อันดับที่ 60 ในหมวดหมู่ Reader's Choice ประจำ พ.ศ. 2549 โดยเว็บไซต์ IGN.<ref>{{cite web| date=June 20, 2006| url=http://top100.ign.com/2006/051-060.html| title=Readers' Picks Top 100 Games| publisher=[[IGN]]| accessdate=June 29, 2010| archive-date=2010-08-14| archive-url=https://web.archive.org/web/20100814180057/http://top100.ign.com/2006/051-060.html| url-status=dead}}</ref>
* ได้อันดับที่ 60 ในหมวดหมู่ Reader's Choice ประจำ พ.ศ. 2549 โดยเว็บไซต์ IGN.<ref>{{cite web| date=June 20, 2006| url=http://top100.ign.com/2006/051-060.html| title=Readers' Picks Top 100 Games| publisher=[[IGN]]| accessdate=June 29, 2010| archive-date=2010-08-14| archive-url=https://web.archive.org/web/20100814180057/http://top100.ign.com/2006/051-060.html| url-status=dead}}</ref>
บรรทัด 131: บรรทัด 131:
นักวิจารณ์เกมทั้งในญี่ปุ่นและภูมิภาคตะวันตกได้ให้คะแนนเกม ''ไฟนอลแฟนตาซี X'' ไว้ในระดับสูง นิตยสาร ''[[Famitsu]]'' และ ''Famitsu PS2'' ในญี่ปุ่นได้ให้คะแนน 39/40<ref name="famitsu">{{cite web | author=IGN Staff | date=July 13, 2001 | title=Final Fantasy X Gets Rated in Japan | url=http://ps2.ign.com/articles/096/096564p1.html | publisher=[[IGN]] | accessdate=November 24, 2008}}</ref> และผู้อ่านนิตยสาร ''Famitsu'' ยังได้ลงคะแนนเสียงให้เป็นเกมยอดเยี่ยมตลอดกาลเมื่อต้น พ.ศ. 2549<ref name="famitsureaders">{{cite web | author=Edge Staff| date=March 3, 2006 | title=Japan Votes on All Time Top 100 | url=http://www.edge-online.com/features/japan-votes-all-time-top-100 | work=[[Edge (magazine)|Edge]] | accessdate=November 24, 2008}}</ref> นิตยสาร ''The Play Station'' ซึ่งเป็นของญี่ปุ่นเช่นกัน ได้ให้คะแนน 29/30 นักวิจารณ์ของนิตยสารญี่ปุ่นทั้งสามฉบับได้ให้คะแนนจากความชื่นชมทั้งในด้านเนื้อเรื่อง กราฟิก และภาพยนตร์ประกอบ<ref name="famitsu"/> ขณะที่ในเว็บไซต์ [[GameRankings]] ได้จัดระดับคะแนนให้อยู่ที่ 91% และในเว็บไซต์ [[Metacritic]] ได้ให้ระดับคะแนนความชื่นชอบที่ 92 จาก 100<ref name="gr"/><ref name="mc"/> [[ฮะชิโมะโตะ ชินจิ]] ผู้สร้างเกม ได้กล่าวว่า กระแสตอบรับของเกมโดยรวมแล้วถือว่า "ยอดเยี่ยม" จากที่ได้รับคำชมและรางวัลจากสื่อต่างๆ<ref name="cvg">{{cite web|url=http://www.computerandvideogames.com/article.php?id=27968|publisher=[[Computer and Video Games]]|date=April 15, 2002|author=Minkley, Johnny|title=Interview: Square invades London|accessdate=August 28, 2009}}</ref>
นักวิจารณ์เกมทั้งในญี่ปุ่นและภูมิภาคตะวันตกได้ให้คะแนนเกม ''ไฟนอลแฟนตาซี X'' ไว้ในระดับสูง นิตยสาร ''[[Famitsu]]'' และ ''Famitsu PS2'' ในญี่ปุ่นได้ให้คะแนน 39/40<ref name="famitsu">{{cite web | author=IGN Staff | date=July 13, 2001 | title=Final Fantasy X Gets Rated in Japan | url=http://ps2.ign.com/articles/096/096564p1.html | publisher=[[IGN]] | accessdate=November 24, 2008}}</ref> และผู้อ่านนิตยสาร ''Famitsu'' ยังได้ลงคะแนนเสียงให้เป็นเกมยอดเยี่ยมตลอดกาลเมื่อต้น พ.ศ. 2549<ref name="famitsureaders">{{cite web | author=Edge Staff| date=March 3, 2006 | title=Japan Votes on All Time Top 100 | url=http://www.edge-online.com/features/japan-votes-all-time-top-100 | work=[[Edge (magazine)|Edge]] | accessdate=November 24, 2008}}</ref> นิตยสาร ''The Play Station'' ซึ่งเป็นของญี่ปุ่นเช่นกัน ได้ให้คะแนน 29/30 นักวิจารณ์ของนิตยสารญี่ปุ่นทั้งสามฉบับได้ให้คะแนนจากความชื่นชมทั้งในด้านเนื้อเรื่อง กราฟิก และภาพยนตร์ประกอบ<ref name="famitsu"/> ขณะที่ในเว็บไซต์ [[GameRankings]] ได้จัดระดับคะแนนให้อยู่ที่ 91% และในเว็บไซต์ [[Metacritic]] ได้ให้ระดับคะแนนความชื่นชอบที่ 92 จาก 100<ref name="gr"/><ref name="mc"/> [[ฮะชิโมะโตะ ชินจิ]] ผู้สร้างเกม ได้กล่าวว่า กระแสตอบรับของเกมโดยรวมแล้วถือว่า "ยอดเยี่ยม" จากที่ได้รับคำชมและรางวัลจากสื่อต่างๆ<ref name="cvg">{{cite web|url=http://www.computerandvideogames.com/article.php?id=27968|publisher=[[Computer and Video Games]]|date=April 15, 2002|author=Minkley, Johnny|title=Interview: Square invades London|accessdate=August 28, 2009}}</ref>


ในทางกลับกัน สื่อบางสำนักก็ได้วิจารณ์เกมนี้ไปในทางลบ นิตยสาร ''[[Edge]]'' จากสหราชอาณาจักรได้ให้คะแนน้อยกว่าสื่อข้างต้นไปมาก โดยวิจารณ์ว่าไม่ทำให้รู้สึกถึงประสบการณ์ของเกมรุ่นใหม่ ระบบการต่อสู้มีรายละเอียดที่ซับซ้อนกว่าภาคก่อนๆ หน้า และบทสนทนาดู "น่าคลื่นไส้"<ref name="edge">{{cite book | year=2002 | editor=Editors of Edge magazine | title=Edge February 2002; issue 107 | pages=76–77 | publisher=[[Future plc]]}}</ref> Andrew Reiner จากนิตยสาร ''Game Informer'' วิจารณ์ว่าเนื้อหาของเกมเป็นเส้นตรงและผู้เล่นไม่สามารถเดินทางด้วย[[โจโคโบะ]]หรือควบคุมเรือเหาะได้อีกต่อไป<ref name="GI">{{cite web|url=http://www.gameinformer.com/Games/Review/200201/R03.0801.1256.47994.htm|title=Final Fantasy X|archiveurl=https://web.archive.org/web/20050224045521/http://www.gameinformer.com/Games/Review/200201/R03.0801.1256.47994.htm|archivedate=2005-02-24|first=Justin|last=Leeper|work=[[Game Informer]]|accessdate=November 23, 2008|url-status=live}}</ref> Tome Bramwell จากเว็บไซต์[[ยูโรเกมเมอร์]]ได้ให้ความเห็นว่า ปริศนาภายในเกมนั้นน่าผิดหวังและมีอยู่มากเกินไป ส่วนผังสเฟียร์นั้นแม้จะดูดี แต่ก็มีอิทธิพลต่อตัวเกมมากเกินไป<ref name="EuroG">{{cite web|url=http://www.eurogamer.net/article.php?article_id=3204 |title=Final Fantasy X Review |first=Tom|last=Bramwell |date=June 16, 2002 |publisher=[[Eurogamer]]|accessdate=November 23, 2008}}</ref>
ในทางกลับกัน สื่อบางสำนักก็ได้วิจารณ์เกมนี้ไปในทางลบ นิตยสาร ''[[Edge]]'' จากสหราชอาณาจักรได้ให้คะแนน้อยกว่าสื่อข้างต้นไปมาก โดยวิจารณ์ว่าไม่ทำให้รู้สึกถึงประสบการณ์ของเกมรุ่นใหม่ ระบบการต่อสู้มีรายละเอียดที่ซับซ้อนกว่าภาคก่อนๆ หน้า และบทสนทนาดู "น่าคลื่นไส้"<ref name="edge">{{cite book | year=2002 | editor=Editors of Edge magazine | title=Edge February 2002; issue 107 | pages=76–77 | publisher=[[Future plc]]}}</ref> Andrew Reiner จากนิตยสาร ''Game Informer'' วิจารณ์ว่าเนื้อหาของเกมเป็นเส้นตรงและผู้เล่นไม่สามารถเดินทางด้วย[[โจโคโบะ]]หรือควบคุมเรือเหาะได้อีกต่อไป<ref name="GI">{{cite web|url=http://www.gameinformer.com/Games/Review/200201/R03.0801.1256.47994.htm|title=Final Fantasy X|archiveurl=https://web.archive.org/web/20050224045521/http://www.gameinformer.com/Games/Review/200201/R03.0801.1256.47994.htm|archivedate=2005-02-24|first=Justin|last=Leeper|work=[[Game Informer]]|accessdate=November 23, 2008|url-status=live}}</ref> Tome Bramwell จากเว็บไซต์[[ยูโรเกมเมอร์]]ได้ให้ความเห็นว่า ปริศนาภายในเกมนั้นน่าผิดหวังและมีอยู่มากเกินไป ส่วนผังสเฟียร์นั้นแม้จะดูดี แต่ก็มีอิทธิพลต่อตัวเกมมากเกินไป<ref name="EuroG">{{cite web |url=http://www.eurogamer.net/article.php?article_id=3204 |title=Final Fantasy X Review |first=Tom |last=Bramwell |date=June 16, 2002 |publisher=[[Eurogamer]] |accessdate=November 23, 2008 |archive-date=2012-02-12 |archive-url=https://www.webcitation.org/65NwYw32w?url=http://www.eurogamer.net/articles/r_ffx_ps2 |url-status=dead }}</ref>


== Legacy ==
== Legacy ==
บรรทัด 144: บรรทัด 144:


== แหล่งข้อมูลอื่น ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
* [http://www.square-enix-usa.com/games/FFX/ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ FFX]
* [http://www.square-enix-usa.com/games/FFX/ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ FFX] {{Webarchive|url=https://web.archive.org/web/20061117150505/http://www.square-enix-usa.com/games/FFX/ |date=2006-11-17 }}
* [http://finalfantasy.wikia.com/wiki/Category:Final_Fantasy_X Articles at Wikia]
* [http://finalfantasy.wikia.com/wiki/Category:Final_Fantasy_X Articles at Wikia]
* [http://www.ffcompendium.com/h/art.shtml FF compendium]
* [http://www.ffcompendium.com/h/art.shtml FF compendium]
บรรทัด 153: บรรทัด 153:
[[หมวดหมู่:วิดีโอเกมด้วยกราฟิกส์สามมิติ]]
[[หมวดหมู่:วิดีโอเกมด้วยกราฟิกส์สามมิติ]]
[[หมวดหมู่:วิดีโอเกมที่มีปฏิปักษ์หญิง]]
[[หมวดหมู่:วิดีโอเกมที่มีปฏิปักษ์หญิง]]
[[หมวดหมู่:สงครามในบันเทิงคดี]]
[[หมวดหมู่:รัฐบาลในบันเทิงคดี]]
{{โครงเกม}}
{{โครงเกม}}

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 14:01, 5 พฤศจิกายน 2566

ไฟนอลแฟนตาซี X
Final Fantasy X
ภาพปกเกมฉบับ NTSC
ผู้พัฒนาสแควร์
ผู้จัดจำหน่าย
กำกับโมะโตะมุ โทะริยะมะ
ทะกะโยะชิ นะกะซะโตะ
โทะชิโร สึชิดะ
อำนวยการผลิตโยะชิโนะริ คิตะเซะ
ศิลปินเทะสึยะ โนะมุระ
เขียนบทคะซุชิเงะ โนะจิมะ
แต่งเพลงโนะบุโอะ อุเอะมะสึ
มะซะชิ ฮะมะอุซุ
จุนยะ นะกะโนะ
ชุดไฟนอลแฟนตาซี
เครื่องเล่นเพลย์สเตชัน 2
วางจำหน่าย
  • JP: July 19, 2001
  • NA: December 20, 2001
  • INT: January 31, 2002
  • AU: May 17, 2002
  • EU: May 29, 2002
แนวเกมเล่นตามบทบาท
รูปแบบผู้เล่นคนเดียว

ไฟนอลแฟนตาซี X (ญี่ปุ่น: ファイナルファンタジーX; อังกฤษ: Final Fantasy X) เป็นเกมอาร์พีจี ในตระกูลไฟนอลแฟนตาซี ของสแควร์เอนิกซ์ เกมแรกบนเครื่องโซนี เพลย์สเตชัน 2 ไฟนอล แฟนตาซี X ออกวางจำหน่ายในปีค.ศ. 2001 นับว่าเป็นภาคที่ประสบความสำเร็จมากอีกภาคหนึ่ง โดยเป็นเกมที่ติดอันดับ 1 ใน 20 เกมที่ขายดีที่สุดตลอดและยังมียอดขายทั่วโลกจนถึงปัจจุบันสูงถึง 7.93 ล้านแผ่น โดยภาคนี้เริ่มต้นจากกลุ่มนักสู้ที่ออกเดินทางในโลกสฟีร่าเพื่อค้นหาวิธีกำจัดสัตว์ร้ายที่มีชื่อว่า ซิน

นอกจากนี้ ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในเกมไฟนอลแฟนตาซี X ก็คือ เป็นเกมไฟนอลแฟนตาซีภาคแรกที่นำกราฟิก 3 มิติเต็มรูปแบบด้วยความสามารถด้านการแสดงกราฟิกของเครื่อง เพลย์สเตชัน 2 ของโซนี่ ที่ใช้หน่วยประมวลผลแบบ 2’s 294 เมกะเฮิร์ทซ์ แทนที่กราฟิกแบบตัวละครแปะบนฉากอย่างแต่ก่อน ไฟนอลแฟนตาซี X ยังเป็นภาคแรกที่ทำให้ตัวละครในเกมสามารถออกเสียงพูดได้โดยนักพากย์และแสดงอารมณ์และความรู้สึกผ่านทางสีหน้าได้ จึงทำให้เกมเมอร์ทั้งหลายได้รู้สึกเหมือนกับนั่งชมภาพยนตร์ที่ตัวเองสามารถบังคับตัวละครได้เอง และยังเป็น ไฟนอลแฟนตาซี ภาคแรกที่มีการทำภาคต่อขึ้น นั่นคือ ไฟนอลแฟนตาซี X-2 นอกจากนี้ ยังเคยมีการวางแผนให้ ไฟนอลแฟนตาซี X สามารถเล่นแบบออนไลน์ได้ แต่ความคิดนี้ก็ได้ถูกยกเลิกไปก่อนที่เกมจะสร้างเสร็จ

ไฟนอลแฟนตาซี X ยังมีองค์ประกอบหลายอย่างที่แตกต่างเหนือกว่าไฟนอลแฟนตาซี ภาคก่อน ๆ อย่างชัดเจนยกตัวอย่างเช่น จากความสำเร็จในการใช้เทคนิคพากย์เสียงตัวละคร ทำให้ในระหว่างที่การสนทนากำลังดำเนินไป ฉากในเกมสามารถปรับเปลี่ยนมุมมองตามการสนทนาด้วย ในขณะที่เกมภาคก่อนการเปลี่ยนบทสนทนาในฉากจะใช้เทคนิคการเลื่อน (scrolling) และในไฟนอลแฟนตาซี X ยังมีการออกแบบโลกของเกมในแนวใหม่ซึ่งทำให้สมจริงมากขึ้น รวมทั้งยังเพิ่มเติมคุณสมบัติใหม่ ๆ เข้าไปในเกมอีกหลายอย่าง

ระบบการเล่น

[แก้]

ใน ไฟนอลแฟนตาซี X มุมมองของผู้เล่นยังเป็นลักษณะบุคคลที่สามเช่นเดียวกับภาคก่อนๆ ในซีรีส์ โดยผู้เล่นจะบังคับทีดัสซึ่งเป็นตัวละครหลักได้โดยตรง ให้เดินทางไปทั่วโลกและมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครอื่นๆ หรือไอเทมต่างๆ สิ่งที่แตกต่างไปจากภาคก่อนๆ คือ แผนที่โลกและเมืองต่างๆ ถูกผนวกรวมกัน โดยพื้นที่ที่อยู่นอกเมืองจะเป็นมุมมองในอัตราส่วนเดียวกับในเมือง เมื่อพบศัตรู สภาพแวดล้อมรอบตัวละครจะตัดไปเป็นฉากต่อสู้แบบ Turn-based ที่ตัวละครและศัตรูจะกระทำตาม Turn ของแต่ละตัว

ระบบการเล่นของ ไฟนอลแฟนตาซี X แตกต่างไปจากภาคก่อนๆ โดยไม่มีแผนที่โลกแบบมุมมองจากด้านบน ซึ่งภาคก่อนๆ ใช้แสดงพื้นที่ระหว่างเมืองกับสถานที่ต่างๆ ที่อยู่ห่างไกลจากกัน ด้วยขนาดย่อส่วน โดยแสดงขณะเดินทางระหว่างสถานที่ต่างๆ เป็นระยะทางไกล ใน ไฟนอลแฟนตาซี X สถานที่แทบทุกแห่งจะมีมุมมองที่ต่อเนื่องกันตลอดและไม่ตัดไปยังฉากแผนที่โลก การเชื่อมโยงระหว่างสถานที่แทบจะเป็นเส้นตรง ทำให้มีเพียงเส้นทางเดียวที่ตัดผ่านสถานที่ต่างๆ แต่ในช่วงหลังของเกม จะสามารถใช้เรือเหาะซึ่งช่วยให้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ทันที และอีกสิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนกับภาคก่อนๆ คือ เกมย่อยจำนวนมาก โดยเฉพาะ "บลิซท์บอล" ที่เป็นกีฬาทางน้ำ[1]

ระบบการต่อสู้

[แก้]
ภาพการต่อสู้กับบอสตัวหนึ่ง ที่ใช้ Heads-up display เพื่อแสดงข้อมูลของการต่อสู้

ไฟนอลแฟนตาซี X ได้ใช้ระบบการต่อสู้แบบใหม่ที่เรียกว่า ระบบ Conditional Turn-Based Battle (CTB) เข้ามาแทนที่ระบบ Active Time Battle (ATB) ที่ใช้มาตั้งแต่ ไฟนอลแฟนตาซี IV ระบบใหม่นี้พัฒนาขึ้นโดยโทะชิโร สึชิดะ ผู้กำกับฉากต่อสู้ ผู้ซึ่งนึกถึง ไฟนอลแฟนตาซี IV เมื่อพัฒนาระบบ CTB ความแตกต่างคือ หลักการของ ATB จะเป็นการดำเนินการต่อสู้ตามเวลาจริง แต่ระบบ CTB จะเป็นรูปแบบ Turn-based ที่จะหยุดการดำเนินการต่อสู้ในระหว่างที่ถึง Turn ของตัวละครแต่ละตัว ซึ่ง CTB จะทำให้ผู้เล่นสามารถเลือกคำสั่งได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเวลา ช่อง Timeline ที่มีรูปภาพที่อยู่ทางขวาบนของหน้าจอจะแสดงให้เห็นตัวละครที่จะได้ Turn ในลำดับถัดๆ ไป และผลกระทบของการใช้คำสั่งที่กำลังจะใช้ที่มีต่อการเรียงลำดับ Turn ในฉากต่อสู้ผู้เล่นสามารถควบคุมตัวละครได้มากที่สุดสามตัว และสามารถสับเปลี่ยนเอาตัวละครที่อยู่นอกกลุ่มขณะนั้นเข้ามาแทนที่ตัวละครตัวใดตัวหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มได้ตลอดการต่อสู้ นอกจากนี้ตัวละครแต่ละตัวยังมีท่าโจมตีพิเศษที่มีพลังโจมตีสูงที่ในภาคก่อนเรียกว่า "Limit Breaks" แต่ใน ไฟนอลแฟนตาซี X ใช้ชื่อว่า "Overdrives" ซึ่งท่าโจมตีเหล่านี้ส่วนใหญ่จะต้องกดปุ่มตามที่กำหนดไว้เพื่อเพิ่มพลังโจมตีให้สูงขึ้น[2]

ไฟนอลแฟนตาซี X ได้ใช้ระบบเรียกสัตว์อสูรแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากภาคก่อนเป็นอย่างมาก โดยในภาคก่อนนั้น สัตว์อสูรจะเข้ามายังฉากต่อสู้ โจมตีครั้งเดียว แล้วจากเดียว แต่สัตว์อสูรใน ไฟนอลแฟนตาซี X จะเข้ามาต่อสู้แทนตัวละครในกลุ่มทั้งหมดจนกว่าศัตรูทุกตัวในฉากจะถูกกำจัด หรือสัตว์อสูรถูกโจมตีจนพลังชีวิตหมด หรือผู้เล่นสั่งให้ออกจากฉากต่อสู้ สัตว์อสูรแต่ละตัวจะมีค่าสถานะ คำสั่งในฉากต่อสู้ ท่าโจมตีพิเศษ เวทมนตร์ และ Overdrive เป็นของตัวเอง ตามเนื้อเรื่องหลักในเกม ผู้เล่นจะได้รับสัตว์อสูรสิบตน และอีกสามตนจะได้รับจาก Side-quests[2]

ผังสเฟียร์

[แก้]

ในภาคนี้ผู้เล่นสามารถพัฒนาตัวละครโดยปราบศัตรูและเก็บไอเทมเช่นเดียวกับภาคก่อน แต่ระบบค่าประสบการณ์แบบเดิมถูกเปลี่ยนเป็นระบบใหม่ที่เรียกว่า "ผังสเฟียร์" (Sphere Grid) ซึ่งจากเดิมที่ตัวละครจะได้รับค่าสถานะต่างๆ เพิ่มขึ้นหลังจากเพิ่มค่าระดับของตัวละครให้สูงขึ้น ในภาคนี้ตัวละครแต่ละตัวจะได้รับค่า "ระดับสเฟียร์" (Sphere Level) หลังจากสะสมค่าความสามารถ (Ability Point) มากเพียงพอ ระดับสเฟียร์ใช้ในการเคลื่อนตำแหน่งของตัวละครบนผังสเฟียร์ ซึ่งบนผังจะเป็น Node ต่างๆ ที่เชื่อมโยงกัน ประกอบด้วยตำแหน่งของค่าสถานะและความสามารถต่างๆ Node เหล่านี้จะต้องใช้ไอเทมที่เรียกว่า "สเฟียร์" (Sphere) ในการเปิดใช้ค่าประจำ Node นั้นๆ ให้แก่ตัวละครที่เลือกไว้[3]

ระบบผังสเฟียร์ยังทำให้ผู้เล่นสามารถปรับแต่งตัวละครให้แตกต่างไปจากบทบาทที่มีมาแต่แรกได้ ตัวอย่างเช่น ปรับแต่งยูน่า ซึ่งเป็นนักเวทมนตร์ขาว ให้สามารถโจมตีด้วยอาวุธได้อย่างรุนแรง หรือปรับแต่งอารอน ที่เป็นนักดาบ ให้สามารถใช้เวทมนตร์ขาวได้ ในเกมฉบับ International และ PAL จะมีผังสเฟียร์แบบที่ซับซ้อนมากขึ้นให้ผู้เล่นเลือกใช้ได้ ซึ่งผังสเฟียร์แบบนี้ ตำแหน่งของตัวละครทุกตัวบนผังจะเริ่มต้นที่กึ่งกลางผัง และสามารถเลือกเคลื่อนที่ไปในเส้นทางใดก็ได้ แต่ก็มีจำนวน Node น้อยลง ทำให้ค่าสถานะที่สามารถเพิ่มระหว่างเกมนั้นลดลง[4]

โครงเรื่อง

[แก้]

โลกทัศน์

[แก้]

ไฟนอลแฟนตาซี X ดำเนินเรื่องราวในโลกที่มีชื่อว่า "สปีร่า" (Spira) ประกอบด้วยแผ่นดินผืนใหญ่ที่แบ่งออกเป็นสามอนุทวีป ล้อมรอบด้วยหมู่เกาะเขตร้อนขนาดเล็ก มีสภาพภูมิอากาศมีตั้งแต่แบบเขตร้อนที่เกาะบีไซด์และคิลิกา แบบอบอุ่นที่ภูมิภาคมีเฮน ไปจนถึงแบบหนาวเย็นที่มาคาลาเนียและภูเขากากาเซต ประชากรของสปีร่าประกอบด้วยหลายเผ่าพันธุ์ โดยเผ่าพันธุ์มนุษย์มีจำนวนมากที่สุด ในบรรดามนุษย์ที่ชนเผ่าที่มีชื่อว่า อัลเบด (Al Bhed) ซึ่งมีเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ถูกเพิกถอนสิทธิการเป็นพลเมือง มีลักษณะเด่นคือ ตาสีเขียว และมีภาษาเฉพาะชนเผ่า[5] เผ่าพันธุ์กวาโดมีลักษณะบางประการคล้ายมนุษย์ แต่มีหลายสิ่งแตกต่างออกไป เช่น นิ้วมือยาวกว่า และมีเผ่าพันธุ์อื่นๆ ที่แตกต่างจากมนุษย์อย่างเห็นได้ชัด เช่น เผ่ารอนโซที่มีลักษณะคล้ายสิงโต หรือเผ่าไฮเปลโลที่คล้ายกบ ในบรรดาเผ่าพันธุ์ทั้งหลายยังมีสิ่งที่เรียกว่า "Unsent" ซึ่งเป็นจิตวิญญาณของผู้เสียชีวิตที่มีความปรารถนาอันแข็งกล้าจนสามารถคงอยู่ในรูปลักษณ์ทางกายภาพได้ มีคำอธิบายว่าผู้เสียชีวิตที่ไม่ได้รับการสวดส่งวิญญาณไปยังดินแดนอันห่างไกลโดยผู้อัญเชิญ จะเกิดความริษยาต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย และกลายเป็น "Fiends" สัตว์ประหลาดที่ผู้เล่นจะได้พบและต่อสู้ตลอดทั้งเกม[6] แต่หากผู้เสียชีวิตมีความผูกพันต่อชีวิตมาก จะสามารถคงรูปลักษณ์มนุษย์ไว้ได้แม้จะเป็น Unsent สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในสปีร่า มีทั้งสัตว์ที่มีอยู่ในโลกจริงๆ เช่น แมว สุนัข นก ผีเสื้อ และสัตว์ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาสำหรับเกมโดยเฉพาะ เช่น ชูพัฟ (Shoopuf) สัตว์รูปร่างคล้ายสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำขนาดยักษ์ รวมถึงโจโคโบะ นกรูปร่างคล้ายนกอีมู ซึ่งปรากฏตัวในเกมส่วนใหญ่ในซีรีส์ ไฟนอลแฟนตาซี

สปีร่าแตกต่างไปจากระบบโลกแบบยุโรปในภาคก่อนๆ อย่างมาก โดยจำลองแบบสิ่งต่างๆ มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งพืชพันธุ์ ภูมิประเทศ สถาปัตยกรรม และการตั้งชื่อ เทะสึยะ โนะมุระ ผู้ออกแบบตัวละคร ได้เลือกออกแบบสภาพภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมของสปีร่าโดยจำลองจากแปซิฟิกตอนใต้ ไทย และญี่ปุ่นเป็นหลัก บางส่วนจำลองมาจากสภาพภูมิศาสตร์ของหมู่เกาะทางใต้ อย่างเช่นบีไซด์และคิลิกา โยะชิโนะริ คิตะเซะ ผู้อำนวยการสร้าง กล่าวว่า หากโลกทัศน์ของเกมยังคงกลับไปเป็นแบบแฟนตาซียุโรปยุคกลาง ก็จะไม่ช่วยให้กลุ่มผู้พัฒนาเกมได้พัฒนาตนเอง ซึ่งระหว่างที่คิตะเซะกำลังนึกถึงสภาพแวดล้อมของโลกที่แตกต่างออกไปนั้น คะสุชิเงะ โนะจิมะ ผู้เขียนบท ก็ได้แนะนำให้สร้างเป็นโลกแฟนตาซีแบบเอเชียขึ้นมา[7]

ตัวละคร

[แก้]
ไฟล์:Tidusteam.jpg
ทีดัส (ซ้ายสุด) พระเอกของเกมและวักก้า (กลาง) กับกลุ่มเพื่อนร่วมทีมบลิทซ์บอล

ไฟนอลแฟนตาซี X มีตัวละครหลักที่สามารถบังคับได้เจ็ดตัว ได้แก่

  • ทีดัส เด็กหนุ่มบุคลิกร่าเริง เป็นนักกีฬาบลิทซ์บอลชื่อดังแห่งทีมซานาร์กันด์เอบส์ (Zanarkand Abes) เกลียดพ่อของตัวเอง ซึ่งเป็นนักกีฬาบลิทซ์บอลชื่อดังที่ออกเรือไปฝึกบลิทซ์บอลและหายสาบสูญไปตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก หน้าของทีดัสเหมือนน้องชายของวักก้ามาก เข้าเป็นการ์เดี้ยนของยูน่าเพื่อตามหาทางกลับบ้าน และเพราะอยากปกป้องยูน่า
  • ยูน่า ลูกสาวของ High Summoner บราสกา ผู้ปราบซินลงได้และนำมาซึ่งช่วงเวลาแห่งความสงบสุข ยูน่าตัดสินใจเดินตามรอยเท้าพ่อเพื่อเป็น Summoner และออกเดินทางรวบรวมสัตว์อสูรมาปราบซิน
  • คิมาห์ริ รอนโซ นักรบหนุ่มแห่งเผ่ารอนโซ พูดน้อย คอยดูแลยูน่าเมื่อครั้งเป็นเด็ก เคยมีเรื่องกับเพื่อนร่วมเผ่าจนถูกหักเขา เมื่อเทียบกับรอนโซตัวอื่นเขาถือว่าค่อนข้างตัวเล็ก เป็นหนึ่งในการ์เดี้ยนของยูน่า
  • วักก้า นักกีฬาบลิทซ์บอล มีศรัทธาในคำสอนของลัทธิเยวอนอย่างจริงใจ เป็นเสมือนพี่ชายของยูน่า เสียน้องชายแสนรักไป จึงเกลียดพวกอัลเบดมาก ภายหลังเลิกเล่นบลิทซ์บอลมาเป็นการ์เดี้ยนให้ยูน่าเต็มตัว
  • ลูลู่ นักเวทมนตร์ดำบุคลิกเฉยชาและเยือกเย็น แต่คอยห่วงใยผู้อื่น เป็นเสมือนพี่สาวของยูน่า มีประสบการณ์เป็นการ์เดี้ยนมา 2 ครั้ง ก่อนจะมาเป็นการ์เดี้ยนให้ยูน่า เคยเป็นคนรักกับน้องชายของวักก้า
  • อารอน อดีต Warrior monk ผู้เป็นการ์เดี้ยนในตำนานร่วมกับพ่อของทีดัส ในการคุ้มครองบราสกาพ่อของยูน่าจนปราบซินสำเร็จก่อนจะหายสาบสูญไปพร้อมกับพ่อของทีดัส ปรากฏตัวอีกทีในฐานะผู้ปกครองที่ดูแลทีดัสมาตลอด 10 ปี นับแต่พ่อของทีดัสหายตัวไป ภายหลังมาเป็นการ์เดี้ยนให้ยูน่าเพื่อทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับบราสกา เป็นคนหนึ่งที่กุมความลับของเรื่องไว้
  • ริคคุ เด็กสาวเผ่าอัลเบดผู้ร่าเริง ขี้เล่น เชี่ยวชาญด้านเครื่องจักร เป็นลูกพี่ลูกน้องกับยูน่า เคยช่วยชีวิตทีดัสไว้ ภายหลังมาเป็นหนึ่งในการ์เดี้ยนของยูน่าเพื่อหมายจะเกลี้ยกล่อมให้ยูน่าเลิกเป็น Summoner

ตัวร้ายหลักของเกมคือ Maester ซีมัวร์ กวาโด และ maesters คนอื่นๆ แห่งลัทธิเยวอน โดยมีซิน สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์รูปร่างคล้ายวาฬ เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งทั้งหลาย

เนื้อเรื่อง

[แก้]

ไฟนอลแฟนตาซี X เริ่มต้นจากช่วงหลังของเนื้อเรื่อง โดยทีดัส ตัวละครหลัก พร้อมกับพวกพ้อง อยู่ที่ด้านนอกซากเมืองซานาร์กันด์ ทีดัสจะเริ่มเล่าเรื่องราวของตัวเองย้อนหลังก่อนที่จะมาถึงที่แห่งนี้ ซึ่งเป็นเนื้อหาส่วนใหญ่ของเกม[8] เริ่มต้นจากมหานครซานาร์กันด์อันมีเทคโนโลยีก้าวหน้าและยังไม่ถูกทำลาย ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของทีดัส เขาเป็นนักกีฬาใต้น้ำบลิซท์บอลที่มีชื่อเสียง[9] ในระหวางการแข่งขันบลิซท์บอล สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำชื่อว่า ซิน ได้โจมตีเมือง เมืองถูกทำลายลง อารอนพาทีดัสไปใกล้ซินและถูกดูดไปยังที่ที่ไม่รู้จัก [10]

ในที่ที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังบนผืนน้ำ (โลกสปิร่า) ทีดัสตื่นขึ้นพบว่าตนอยู่เพียงคนเดียว ในระหว่างที่สู้กับสัตว์ประหลาด กลุ่มคนปริศนาที่พูดภาษาประหลาดปรากฏตัวขึ้นช่วยเขาไว้ แล้วเอาตัวเขาไปด้วย โดยหนึ่งในนั้นสามารถพูดภาษาเดียวกับทีดัสได้ ซึ่งพวกเขาเสนอให้ทีดัสช่วยงาน โดยการกู้ซากเรือที่อยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นทีดัสได้รู้ว่าคนที่พูดภาษาเดียวกับเขาได้ชื่อริคคุ เป็นชาวอัลเบด เมื่อทีดัสเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ริคคุ จึงบอกเขาว่าซานาร์กันด์ถูกทำลายไปเมื่อ 1,000 ปีก่อนหน้าแล้ว ปัจจุบันเป็นเพียงแค่ซากปรักหักพังเท่านั้น เธอคิดว่าทีดัสเข้าใกล้ซินมากเกินไปจนถูกพิษทำให้สมองเพี้ยนไป จึงสัญญาว่าจะพาเขาไปที่เมืองใหญ่เพราะอาจจะเจอคนที่รู้จักเขา [11] ต่อมาซินได้ปรากฏตัวขึ้นโจมตีเรือของอัลเบด ทีดัสพลัดตกเรือและถูกซัดไปยังเกาะบีไซด์ ที่นั่นเขาได้พบกับวักก้า หัวหน้าทีมบลิซท์บอลประจำเกาะ วักก้าเองก็เข้าใจว่าทีดัสสมองเพี้ยนไปเพราะเข้าใกล้ซินจึงเสนอให้ความช่วยเหลือ แต่เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนทีดัสจะต้องเข้าร่วมทีมบลิซท์บอลของเกาะบีไซด์ วักกาแนะนำให้ทีดัสรู้จักกับยูน่า ที่เพิ่งจะได้เป็นผู้อัญเชิญ และกำลังจะออกเดินทางเพื่อปราบซิน โดยเชื่อกันว่าซินเป็นบทลงโทษต่อบาปของมวลมนุษยชาติ ยูน่าได้ออกเดินทางร่วมกับผู้พิทักษ์ของเธอ ได้แก่ ลูลู่ วักกา และคิมาห์ริ ส่วนทีดัสได้ร่วมเดินทางไปเพื่อช่วยเหลือวักกาในการแข่งขันบลิซท์บอลที่กำลังจะเริ่มขึ้นและเพื่อหาทางกลับบ้าน [12][13][14] หลังการแข่งบลิซท์บอล อารอนก็ได้ปรากฏตัวขึ้นเพื่อขอเป็นผู้พิทักษ์ของยูน่าตามที่ได้สัญญาไว้กับบลาสก้าพ่อของยูน่า รวมถึงโน้มน้าวให้ทีดัสเป็นผู้พิทักษ์อีกคนของยูน่า [15] อารอนเปิดเผยต่อทีดัสว่าบราสก้า เจคท์ พ่อของทีดัส และตัวเขาเองได้เคยออกเดินทางเพื่อปราบซินเมื่อสิบปีก่อนหน้า [16] ก่อนหน้านี้ทีดัสเคยคิดว่าพ่อของเขาเสียชีวิตในทะเลเมื่อสิบปีก่อน แต่ความจริงแล้วเขาถูกส่งมายังโลกสปิร่า 1000 ปีข้างหน้าเหมือนกับทีดัส และร่วมทางกลับบราสก้า และอารอนเพื่อหาทางกลับบ้าน โดยอารอนบอกทีดัสว่าตอนนี้ เจคท์ได้กลายเป็นซินไปแล้ว และนำทีดัสมาที่นี้เพื่อให้หยุดตนเอง [17] หลังจากได้ปะทะกับซินอีกครั้ง ริคคุปรากฏตัวขึ้นเข้าร่วมเป็นผู้พิทักษ์ขึ้นอีกคน โดยบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับยูน่า[18] ในระหว่างการเดินทาง ทีดัสและยูน่าได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นจนเริ่มมีใจให้กัน ทว่าเมื่อเดินทางไปถึงกวาโดสลัม เมืองของเผ่ากวาโด ซีมัวร์ผู้นำของเหล่ากวาโดได้ขอยูน่าแต่งงาน และเธอได้บอกให้เหล่าผู้พิทักษ์ของเธอทราบว่าเธอตั้งใจจะแต่งงานกับซีมัวร์เพื่อความหวังของสปิร่า [19] เมื่อไปถึงวัดมาคาลาเนีย เหล่าผู้พิทักษ์ได้เห็นข้อความจากพ่อผู้ล่วงลับของซีมัวร์ โดยกล่าวว่าเขาถูกสังหารโดยลูกชายของตนเอง และความชั่วร้ายของซีมัวร์จะทำลายสปิรา จึงรู้ว่าที่ยูน่าทำไปทั้งหมดเพื่อหาทางใกล้ชิดและจัดการกับซีมัวร์ [20] กลุ่มตัวเอกได้เข้าต่อสู้กับซีมัวร์และสังหารเขา พวกเขาจึงกลายเป็นกบฏของโลกสปิร่า หลังจากนั้นไม่นาน ซินได้เข้าโจมตีและยูน่าพลัดหลงไปจากเหล่าผู้พิทักษ์[21] เมื่อรู้ว่ายูน่าน่าจะถูกอัลเบดลักพาตัวไป ทุกคนจึงออกเดินทางไปช่วยเหลือและพบว่าเผ่าอัลเบดกำลังถูกเผ่ากวาโดโจมตีอยู่ ระหว่างการตามหายูน่า ทีดัสได้รับรู้จากริคคุว่าผู้อัญเชิญจะต้องสละชีวิตเพื่อ "การอัญเชิญครั้งสุดท้าย" ทำให้เขาต้องการหาทางที่จะปราบซินโดยไม่ทำให้ยูน่าต้องสละชีวิตตนเอง[22][23] เหล่าผู้พิทักษ์ได้ตามหายูน่าพบที่เมืองเบเวลล์ขณะที่เธอถูกบังคับให้แต่งงานกับซีมัวร์ที่กลายเป็นวิญญาณที่ไม่ถูกสวดส่ง[24] พวกเขาขัดขวางการแต่งงานและหนีไปกับยูน่า [25] ต่อมาถูกจับกุมและถูกพิจารณาคดี หนึ่งในผู้นำของโลกสปิร่าผู้ทรงคุณธรรมเมื่อรู้ว่าซีมัวร์ฆ่าพ่อของตน และผู้นำของโลกสปิร่าที่ผู้คนนับถือเองก็เป็นวิญญาณที่ไม่ถูกสวดส่งก็เกิดความสับสน และกลับภูเขาของตน [26] เมื่อพวกยูน่าหลบหนีออกมาได้ก็สับสนเช่นกันว่าควรจะทำอย่างไรต่อ ทีดัสชวนยูน่าให้ไปซานาร์กันด์ด้วยกัน แต่ยูน่าไม่อาจละทิ้งหน้าที่ของตนได้จึงตัดสินใจจะปราบซินให้ได้ (มีฉากจูบกันใต้น้ำอันแสนโรแมนติกสุดโด่งดัง) และมุ่งหน้าไปยังซานาร์กันด์ต่อไป[27]

หลังจากเดินทางต่อ ทีดัสได้รับรู้ว่า ตัวเขาเอง เจคท์ และซานาร์กันด์ที่ทั้งสองจากมา เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นคล้ายกับสัตว์อสูร โดยอาศัยลักษณะของซานาร์กันด์แต่เดิมและประชากรในเมืองเป็นต้นแบบ[28] เมื่อนานมาแล้ว นครซานาร์กันด์เดิมได้สู้รบกับเบเวลล์ ซึ่งซานาร์กันด์ได้พ่ายแพ้ ผู้รอดชีวิตในซานาร์กันด์ได้อุทิศตนเองให้กลายเป็น "Fayth" เพื่อใช้ความทรงจำเกี่ยวกับซานาร์กันด์สร้างเมืองใหม่ขึ้นในจินตนาการ โดยตัดขาดจากสงครามในสปิรา[29] หนึ่งพันปีต่อมา เหล่า Fayth เริ่มเหน็ดเหนื่อยจากการสร้างซานาร์กันด์ในจินตนาการ แต่ไม่สามารถหยุดได้จนกว่าซินจะถูกปราบลง[30]

เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินไปจนถึงจุดสิ้นสุดของการเดินทางของยูน่า ยูนาเลสกา ผู้อัญเชิญคนแรกที่ปราบซินได้และไม่ได้ถูกสวดส่งวิญญาณนับแต่นั้น[31] จะบอกกลุ่มตัวเอกว่าสัตว์อสูรตนสุดท้ายจะสร้างขึ้นจากจิตวิญญาณของผู้มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้อัญเชิญ หลังจากปราบซินได้แล้ว สัตว์อสูรตนสุดท้ายจะกลายเป็นซินตนใหม่ ก่อให้เกิดวัฏจักรแห่งการถือกำเนิดใหม่[32] กลุ่มตัวเอกตัดสินใจไม่ใช้สัตว์อสูรตนสุดท้ายเพื่อไม่ให้มีใครต้องสละชีวิตและเพื่อไม่ให้ซินตนใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาอีก[33] ยูนาเลสกาผิดหวังต่อวิธีการของทีดัสและพวกพ้อง จึงตั้งใจจะสังหาร แต่ก็ถูกปราบลงได้และสลายหายไป[34] หลังจากนั้นกลุ่มตัวเอกได้พยายามหาทางทำลายซินอย่างถาวรโดยไม่ต้องเสียสละชีวิตผู้ใด และได้รับรู้ว่าสิ่งที่ทำให้สัตว์อสูรตนสุดท้ายกลายเป็นซินคือ ยู เยวอน ซึ่งเป็นผู้อัญเชิญที่สูญเสียความเป็นมนุษย์และคงอยู่เพื่อสร้างซินเท่านั้น[35] กลุ่มตัวเอกได้บุกเข้าไปในร่างของซินและต่อสู้กับซีมัวร์ที่ถูกดูดเข้าไป และในที่สุดได้ต่อสู้กับจิตวิญญาณของเจคท์ที่ถูกกักขังอยู่ภายในร่างของซิน[36][37] เมื่อร่างอาศัยของซินถูกทำลาย กลุ่มตัวเอกได้เข้าต่อสู้กับยู เยวอน และเอาชนะได้[38] วัฏจักรการถือกำเนิดใหม่ของซินยุติลง จิตวิญญาณของเหล่า Fayth ถูกปลดปล่อยจากการถูกจองจำ ทำให้สัตว์อสูร ซานาร์กันด์ในความฝัน และทีดัสต้องสูญสลายไป[39] หลังจากนั้น ยูน่าได้กล่าวต่อประชากรสปิราให้ร่วมกันสร้างโลกที่ไม่มีซินขึ้นมาใหม่[40] เมื่อ credit ของเกมจบลงแล้ว มีฉากสั้นเป็นภาพของทีดัสอยู่ใต้น้ำและว่ายน้ำขึ้นสู่เบื้องบน ฉากนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ไฟนอลแฟนตาซี X-2 ซึ่งเป็นภาคต่อ มีเนื้อหาเกี่ยวกับยูน่าที่ออกตามหาร่องรอยของทีดัสที่อาจยังมีชีวิตอยู่เพื่อสานต่อความสัมพันธ์[41]

การพัฒนา

[แก้]

การพัฒนา ไฟนอลแฟนตาซี X เริ่มต้นขึ้นใน พ.ศ. 2542 รวมเงินลงทุนทั้งหมดราว 4 พันล้านเยน[42] ใช้ทีมงานกว่า 100 คน ซึ่งส่วนใหญ่เคยร่วมงานในภาคก่อนๆ ในซีรีส์มาแล้ว ซะกะงุจิ ฮิโระโนะบุ ผู้อำนวยการสร้าง ได้กล่าวว่า แม้ว่าจะกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนฉากหลังจากแบบสองมิติเป็นสามมิติ การพากย์เสียง และการเปลี่ยนการเล่าเรื่องเป็นแบบตามเวลาจริง แต่ความสำเร็จของซีรีส์ ไฟนอลแฟนตาซี ก็อาจถือได้ว่ามาจากความท้าทายของทีมพัฒนาเกมในการทดลองสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ[7] การเขียนบทของภาคนี้ใช้เวลานานกว่าภาคก่อนๆ มากเนื่องจากมีนักพากย์เข้ามาร่วมงานด้วย[43] โนะจิมะ คะสุชิเงะ ผู้เขียนบท มีความกังวลเกี่ยวกับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นและตัวละครหลักมากเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงได้แต่งเรื่องราวที่ผู้เล่นจะได้มองเห็นการเดินทางไปรอบโลกและการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ผ่านความคิดและการบรรยายของทีดัส[44] แรกเริ่มนั้นมีแผนว่าเกมนี้จะเพิ่มส่วนประกอบออนไลน์เข้าไปด้วย โดยจะใช้งานได้ผ่านทางบริการ PlayOnline ของสแควร์ แต่ต่อมาถูกตัดออกไประหว่างการผลิต และระบบออนไลน์ได้ถูกนำมาใช้กับเกมในซีรีส์ ไฟนอลแฟนตาซี เป็นครั้งแรกใน ไฟนอลแฟนตาซี XI[45][46]

นะกะซะโตะ ทะกะโยะชิ ผู้กำกับด้านแผนที่ ต้องการใช้แนวคิดของแผนที่โลกที่ดูสมจริงมากกว่าแผนที่โลกในภาคก่อนๆ เพื่อให้ดูกลมกลืนกับฉากหลังแบบสามมิติของเกม ซึ่งตรงข้ามกับฉากหลังแบบ Pre-rendered[47] สึชิดะ โทะชิโร ผู้กำกับระบบการต่อสู้ ซึ่งเคยได้เล่นเกมต่างๆ ในซีรีส์ ไฟนอลแฟนตาซี มาก่อนแล้ว ต้องการสร้างองค์ประกอบที่คิดว่าน่าสนใจและเพลิดเพลินขึ้นมาใหม่ ในที่สุดจึงได้ตัดระบบ Active Time Battle (ATB) ออกไป และเปลี่ยนไปใช้ระบบ Conditional Turn-Based Battle (CTB) ที่ต้องอาศัยการวางแผนการต่อสู้แทน[48] ตามแผนแรกเริ่มนั้น จะทำให้ศัตรูปรากฏตัวเดินไปมาอยู่บนแผนที่ และจะตัดเข้าสู่ฉากต่อสู้อย่างแนบเนียน ซึ่งผู้เล่นสามารถเคลื่อนที่ไปรอบฉากในระหว่างเผชิญหน้ากับศัตรูได้[49] ทะไค ชินทะโระ ผู้กำกับศิลป์ในฉากต่อสู้ ได้อธิบายว่า เขาตั้งใจจะทำให้ฉากต่อสู้ใน ไฟนอลแฟนตาซี X เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่อง และไม่ได้แยกออกไปเป็นองค์ประกอบต่างหาก[48] แต่ด้วยข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ความคิดเหล่านี้จึงไม่ได้ใช้ในภาคนี้ แต่นำไปใช้ใน ไฟนอลแฟนตาซี XI และ ไฟนอลแฟนตาซี XII ในภายหลัง กระนั้นการตัดเข้าสู่ฉากต่อสู้บางจุดในเกมก็ได้ใช้เทคนิคภาพพร่ามัวแบบเคลื่อนไหวเพื่อให้ดูแนบเนียนมากขึ้น[44] ซึ่งเทคนิคดังกล่าวก็ทำให้มีการออกแบบระบบเรียกสัตว์อสูรขึ้นใหม่ดังที่เห็นในเกม[48] คิตะเซะ โยะชิโนะริ ได้อธิบายว่า จุดประสงค์ของกระดานสเฟียร์คือเพื่อสร้างระบบเชิงตอบโต้ต่อการเพิ่มค่าสถานะของตัวละคร ซึ่งทำให้ผู้เล่นสามารถมองเห็นและวางแผนการเพิ่มค่าสถานะต่างๆ ได้โดยตรง[50]

โนะมุระ เทะสึยะ ผู้ออกแบบตัวละคร ได้ออกแบบวัฒนธรรมและภูมิทัศน์ของโลกสปิราโดยเลือกองค์ประกอบแบบแปซิฟิกใต้ ไทย และญี่ปุ่นเป็นหลัก โดยเฉพาะส่วนที่เป็นองค์ประกอบของเกาะทางใต้ในเกมอย่างบีไซด์และคิลิกา และได้กล่าวว่าสปิรามีรายละเอียดที่แตกต่างจากโลกทัศน์ใน ไฟนอลแฟนตาซี ภาคก่อนๆ[51] คิตะเซะ โยะชิโนะริ ได้กล่าวว่า หากโลกทัศน์ยังคงกลับไปเป็นแบบเทพนิยายยุโรปยุคกลาง ทีมพัฒนาเกมจะไม่มีโอกาสได้พัฒนาตนเอง ซึ่งขณะที่โนะจิมะ คะสุชิเงะ ผู้เขียนบท กำลังนึกถึงสภาพแวดล้อมของโลกที่แตกต่างออกไป ก็ได้นึกถึงโลกจินตนาการที่มีองค์ประกอบแบบเอเชีย[7] นะคะชิมะ ฟุมิ หัวหน้าผู้ออกแบบตัวละครรอง ได้กล่าวว่า ต้องการทำให้ตัวละครจากภูมิภาคและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันสวมใส่เครื่องแต่งกายที่มีรูปแบบแตกต่างกันอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถระบุกลุ่มย่อยของตัวละครเหล่านั้นได้ง่าย ตัวอย่างเช่น หน้ากากและแว่นตากันลมของเผ่าอัลเบดทำให้ภาพลักษณ์ดู "แปลกประหลาด" ขณะที่เครื่องแต่งกายของเผ่ารอนโซช่วยให้ต่อสู้ได้ง่าย[7]

ไฟนอลแฟนตาซี X เป็นเกมที่ริเริ่มใช้เทคโนโลยี Motion capture และ Skeletal animation เพื่อแสดงสีหน้าของตัวละคร[51][44] ซึ่งทำให้ผู้สร้างภาพเคลื่อนไหวสามารถสร้างการเคลื่อนไหวริมฝีปากที่สมจริงเพื่อนำไปเข้าคำสั่งให้แสดงผลให้ตรงกับคำพูดของนักพากย์ โนะจิมะได้เปิดเผยว่า การพากย์เสียงทำให้สามารถเขียนบทให้ตัวละครดูมีอารมณ์มากขึ้นกว่าภาคก่อนๆ และแต่งโครงเรื่องให้ดูง่ายได้ เขายังได้กล่าวว่า การทำงานร่วมกับนักพากย์ทำให้เขาต้องเปลี่ยนแปลงบทหลายครั้งเพื่อให้ตัวละครกับบุคลิกของนักพากย์ที่สวมบทบาทดูสอดคล้องกัน[52] และการพากย์เสียงนี้ยังทำให้การพัฒนาเกมยากขึ้น เนื่องจาก Cut scene ของเกมได้เข้าคำสั่งสำหรับเสียงพากย์ภาษาญี่ปุ่นแล้ว ทีมงานแปลภาษาจึงแต่งบทสนทนาภาษาอังกฤษและนำไปเข้าคำสั่งให้ตรงกับการเคลื่อนไหวปากของตัวละครได้ยาก Alexander O. Smith ผู้ชำนาญพิเศษด้านการแปลภาษา อธิบายถึงกระบวนการแต่งคำพูดภาษาอังกฤษให้เข้ากับเกมไว้ว่า "เหมือนกับการสร้างบทภาพยนตร์สี่หรือห้าเรื่องที่บทสนทนาทั้งหมดอยู่ในรูปแบบไฮกุ และแน่นอนว่านักแสดงต้องแสดงบทบาทภายใต้ข้อจำกัดเหล่านั้นให้ดี"[49]

ดนตรี

[แก้]

ไฟนอลแฟนตาซี X เป็นภาคหลักภาคแรกในซีรีส์ที่ โนะบุโอะ อุเอะมะสึ ผู้ประพันธ์เพลงประจำซีรีส์ มีส่วนร่วมในการแต่งดนตรีประกอบในเกม ผู้ประพันธ์ร่วมอีกสองคนในภาคนี้คือ มะซะชิ ฮะมะอุซุ และจุนยะ นะกะโนะ ทั้งสองได้รับเลือกให้ทำหน้าที่นี้เนื่องจากความสามารถในการสร้างสรรค์ดนตรีที่แตกต่างไปจากรูปแบบของอุเอะมะสึโดยที่ยังคงสามารถทำงานร่วมกันได้[53] เว็บไซต์ Playonline.com ได้เปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า เพลงประจำเกมได้เสร็จสมบูรณ์แล้วในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ในขณะที่สแควร์ยังไม่ได้เปิดเผยว่าใครจะเป็นผู้ขับร้อง เว็บไซต์ Gamesport ได้ถามอุเอะมะสึเป็นการส่วนตัว และได้รับคำตอบติดตลกว่า "จะเป็นร็อด สจ๊วต"[54]

ภายในเกมมีเพลงที่มีเสียงร้องอยู่สามเพลง หนึ่งในนั้นคือเพลง "Suteki da ne" เพลงรักแนวเจป๊อป ซึ่งในฉบับภาษาอังกฤษถูกแปลเป็น "Isn't it Wonderful?" เนื้อร้องแต่งโดยคะสุชิเงะ โนะจิมะ และประพันธ์ทำนองโดยอุเอะมะสึ ขับร้องโดยริกกิ นักร้องเพลงโฟล์คชาวญี่ปุ่น ผู้ซึ่งได้รับเลือกจากฝ่ายดนตรีของเกมเนื่องมาจากแนวดนตรีประจำตัวที่สะท้อนถึงบรรยากาศแบบโอะกินะวะ[55] "Suteki da ne" ถูกขับร้องเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งในเกมฉบับภาษาญี่ปุ่นและฉบับภาษาอังกฤษ และเพลงนี้ในฉบับวงดนตรียังได้ถูกนำไปใช้เป็นเพลงประกอบฉากจบ เช่นเดียวกับเพลง "Eyes on Me" จาก ไฟนอลแฟนตาซี VIII และเพลง "Melodies of Life" จาก ไฟนอลแฟนตาซี IX อีกสองเพลงที่มีเนื้อร้องได้แก่ เพลง "Otherworld" เพลงประกอบฉากเริ่มเกมแนวร็อคหนักแน่น ขับร้องเป็นภาษาอังกฤษโดย Bill Muir และเพลง "Hymn of the Fayth" เพลงแบบวนซ้ำไปมาที่ขับร้องโดยใช้ Japanese syllabary[56]

อัลบั้มรวมเพลงประกอบเกมประกอบด้วยแผ่นซีดีสี่เพลง มีเพลงทั้งหมด 91 เพลง วางจำหน่ายครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2544 โดยบริษัทดิจิคิวบ์ และวางจำหน่ายอีกครั้งเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 โดยสแควร์เอนิกซ์[57] ใน พ.ศ. 2545 บริษัทโตเกียวป๊อปได้วางจำหน่าย Final Fantasy X Original Soundtrack ฉบับใหม่ในอเมริกาเหนือ โดยใช้ชื่อว่า Final Fantasy X Official Soundtrack ประกอบด้วยเพลง 17 เพลงจากอัลบั้มเดิม บรรจุลงในแผ่นซีดีแผ่นเดียว[58] นอกจากนี้ยังมีแผ่นซีดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเกม เช่น feel/Go dream: Yuna & Tidus วางจำหน่ายในญี่ปุ่นโดยดิจิคิวบ์ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2544 บรรจุเพลงประจำตัวของตัวละครทีดัสและยูน่า[59] รวมถึงซีดี Piano Collections Final Fantasy X ซึ่งเป็นแผ่นรวมดนตรีจากเกมในอีกฉบับหนึ่ง[60] และ Final Fantasy X Vocal Collection แผ่นรวมคำพูดและเพลงเฉพาะตัวละคร ทั้งสองแผ่นวางจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2545[61]

วงดนตรี The Black Mages นำโดยโนะบุโอะ อุเอะมะสึ ซึ่งมีบทบาทในการปรับแต่งดนตรีจากซีรีส์เกม ไฟนอลแฟนตาซี ให้เป็นแนวร็อค ได้ปรับแต่งดนตรีของบทเพลงสามเพลงจาก ไฟนอลแฟนตาซี X ขึ้นมาใหม่เช่นกัน โดยเพลงเหล่านั้นได้แก่ เพลง "Fight with Seymour" จากอัลบั้มชื่อเดียวกับวงที่ออกใน พ.ศ. 2546[62] อีกสองเพลงคือ "Otherworld" และ "The Skies Above" ทั้งสองเพลงบรรจุในอัลบั้ม The Skies Above ที่ออกใน พ.ศ. 2547[63] อุเอะมะสึยังได้นำบทเพลงเหล่านี้ไปแสดงในซีรีส์คอนเสิร์ต Dear Friends: Music from Final Fantasy[64] และบทเพลงจาก ไฟนอลแฟนตาซี X ยังได้ถูกรวมอยู่ในการแสดงสดหลายครั้ง เช่น คอนเสิร์ต 20020220 Music from Final Fantasy ซึ่งเป็นการแสดงบรรเลงดนตรีจากซีรีส์ไฟนอลแฟนตาซี รวมถึงหลายบทเพลงจาก ไฟนอลแฟนตาซี X[65] นอกจากนี้ ยังมีเพลง "Swing de Chocobo" ที่นำไปบรรเลงในคอนเสิร์ต Distant Worlds - Music from Final Fantasy โดยวงดนตรี Royal Stockholm Philharmonic Orchestra[66] และเพลง "Zanarkand" บรรเลงในคอนเสิร์ต Tour de Japon: Music from Final Fantasy โดยวงดนตรี New Japan Philharmonic Orchestra[67]

Versions และสินค้า

[แก้]

ไฟนอลแฟนตาซี X ฉบับภาษาญี่ปุ่นจะมีแผ่นซีดีชื่อ "The Other Side of Final Fantasy" แนบมาพร้อมกับแผ่นเกม ภายในแผ่นประกอบด้วยบทสัมภาษณ์ Storyboards ตัวอย่างของเกม Blue Wing Blitz และ คิงดอมฮารตส์ ตัวอย่างภาพยนตร์ Final Fantasy: The Spirits Within และภาพยนตร์ตัวอย่างแรกของเกม ไฟนอลแฟนตาซี XI[68] ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2545 เกมฉบับ International ได้วางจำหน่ายในญี่ปุ่นภายใต้ชื่อ "Final Fantasy X International" และวางจำหน่ายใน PAL territories ภายใต้ชื่อเดิม ฉบับ International นี้ได้มีสิ่งใหม่ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาจากฉบับ NTSC เดิม ซึ่งรวมถึงการต่อสู้กับสัตว์อสูรภาคมืด และการต่อสู้กับบอสพิเศษ "Penance" บนเรือเหาะ[4] ฉบับ International ที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่นยังได้เพิ่มคลิปวิดีโอชื่อว่า "Eternal Calm" ความยาว 14 นาที ที่เชื่อมโยงเนื้อเรื่องของ ไฟนอลแฟนตาซี X ไปสู่ ไฟนอลแฟนตาซี X-2 ที่เป็นภาคต่อ[69] คลิปวิดีโอนี้ยังได้บันทึกลงในแผ่นดีวีดีที่แนบไปพร้อมกับแผ่นเกม Unlimited Saga ฉบับนักสะสม โดยใช้ชื่อว่า "Eternal Calm, Final Fantasy X-2: Prologue" ซึ่งวางจำหน่ายครั้งแรกในยุโรปเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2546 และบันทึกเสียงในคลิปเป็นภาษาอังกฤษ[70]

เกมฉบับ International และ PAL มีแผ่นดีวีดีพิเศษชื่อว่า "Beyond Final Fantasy" แนบมาด้วย ภายในแผ่นประกอบด้วยบทสัมภาษณ์ผู้พัฒนาเกม และผู้ให้เสียงพากษ์ตัวละครเป็นภาษาอังกฤษสองคน ได้แก่ เจมส์ อาร์โนลด์ เทย์เลอร์ (ทีดัส) และเฮดี เบอร์เรสส์ (ยูน่า) และยังมีภาพยนตร์ตัวอย่างของ ไฟนอลแฟนตาซี X และ คิงดอมฮารตส์ ภาพร่างและภาพที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์เกม และมิวสิกวิดีโอเพลง "Suteki da ne" ขับร้องโดยริกกิ[71] ใน พ.ศ. 2548 ได้มีการรวมเอา ไฟนอลแฟนตาซี X และ ไฟนอลแฟนตาซี X-2 มาวางจำหน่ายเป็นชุดเดียวกันในญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ Final Fantasy X/X-2 Ultimate Box[72]

นอกจากนี้ สแควร์ยังได้ผลิตสินค้าและหนังสือเกี่ยวกับเกมอีกมากมาย[73] ซึ่งรวมถึงหนังสือ The Art of Final Fantasy X และชุดหนังสือ อัลติมาเนีย ที่เกี่ยวกับแนวทางการเล่นเกมและรวมภาพงานศิลป์เกี่ยวกับเกม จัดพิมพ์โดยบริษัทดิจิคิวบ์ในญี่ปุ่น ภายในหนังสือในชุดมีอาร์ตเวิร์กดั้งเดิมของ ไฟนอลแฟนตาซี X บทสรุปการเล่นเกม เนื้อเรื่องของเกมในมุมมองต่างๆ และบทสัมภาษณ์ผู้ออกแบบเกม หนึ่งชุดประกอบด้วยหนังสือสามเล่ม ได้แก่ Final Fantasy X Scenario Ultimania, Final Fantasy X Battle Ultimania และ Final Fantasy X Ultimania Ω[74]

กระแสตอบรับ

[แก้]
 การตอบรับ
คะแนนรวม
ผู้รวมคะแนน
เกมแรงกิงส์91%[84]
เมทาคริติก92/100[85]
คะแนนปฏิทรรศน์
สิ่งพิมพ์เผยแพร่คะแนน
เอดจ์9/10[75]
ยูโรเกมเมอร์9/10[76]
แฟมิซือ39/40[77]
เกมอินฟอร์เมอร์9.75/10[80]
เกมโปร5/5 stars[78]
เกมเรโวลูชันA-[79]
เกมสปอต9.3/10[81]
เกมสปาย4/5 stars[82]
ไอจีเอ็น9.5/10[83]

ไฟนอลแฟนตาซี X ได้รับทั้งคำชมเชยจากสื่อต่างๆ และยอดจำหน่ายที่สูง หลังจากวางจำหน่ายในญี่ปุ่นได้สี่วันก็สามารถจำหน่ายจากการสั่งจองล่วงหน้าได้มากกว่า 1.4 ล้านแผ่น จัดเป็นเกม Console RPG ที่จำหน่ายได้รวดเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์[86][87] สถิตินี้นับว่าเร็วกว่า ไฟนอลแฟนตาซี VII และ ไฟนอลแฟนตาซี IX เมื่อเปรียบเทียบที่ยอดจำหน่ายสี่วันหลังวางจำหน่ายเหมือนกัน[88] และยังเป็นเกมสำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน 2 เกมแรกที่สามารถจำหน่ายได้ถึงสี่ล้านแผ่น[89][90] และในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 ยังได้ถูกจัดอันดับเป็นเกมสำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน 2 ที่ขายดีเป็นอันดับที่แปด[91] เมื่อถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2547 ก็มียอดจำหน่าย 6.6 ล้านแผ่น[92] นอกจากนี้ ไฟนอลแฟนตาซี X ยังได้รับรางวัลและการจัดอันดับอันดับจากสื่อต่างๆ ได้แก่

  • ได้รับรางวัลเกมยอดเยี่ยมประจำ พ.ศ. 2544-2545 จาก CESA GAME AWARDS[93]
  • ได้อันดับที่เจ็ดในหมวดหมู่ "10 วิดีโอเกมยอดเยี่ยมแห่งปี" จากการจัดอันดับ "Best and Worst Awards" ประจำ พ.ศ. 2544 โดยเว็บไซต์ GameSpot[94]
  • ได้อันดับที่ห้าในหมวดหมู่ "25 เกมเพลย์สเตชัน 2 ยอดเยี่ยมตลอดกาล" และอันดับที่หกในหมวดหมู่ "10 วิดีโอเกมยอดเยี่ยมแห่งปี" ใน พ.ศ. 2550 โดยเว็บไซต์ IGN[95][96]
  • ได้อันดับที่ 60 ในหมวดหมู่ Reader's Choice ประจำ พ.ศ. 2549 โดยเว็บไซต์ IGN.[97]
  • มีชื่อเป็นหนึ่งใน 20 เกม RPG ญี่ปุ่นที่ต้องได้เล่น โดยเว็บไซต์ Gamasutra[98]
  • ได้อันดับที่ 43 ในหมวดหมู่ "200 เกมยอดเยี่ยมตลอดกาล" โดยนิตยสาร Game Informer[99]
  • เมื่อสิ้น พ.ศ. 2550 Guinness World Records ได้บันทึกไว้ว่าเป็นเกม RPG ที่มียอดจำหน่ายสูงเป็นอันดับที่เก้าของโลก[87]

นักวิจารณ์เกมทั้งในญี่ปุ่นและภูมิภาคตะวันตกได้ให้คะแนนเกม ไฟนอลแฟนตาซี X ไว้ในระดับสูง นิตยสาร Famitsu และ Famitsu PS2 ในญี่ปุ่นได้ให้คะแนน 39/40[100] และผู้อ่านนิตยสาร Famitsu ยังได้ลงคะแนนเสียงให้เป็นเกมยอดเยี่ยมตลอดกาลเมื่อต้น พ.ศ. 2549[101] นิตยสาร The Play Station ซึ่งเป็นของญี่ปุ่นเช่นกัน ได้ให้คะแนน 29/30 นักวิจารณ์ของนิตยสารญี่ปุ่นทั้งสามฉบับได้ให้คะแนนจากความชื่นชมทั้งในด้านเนื้อเรื่อง กราฟิก และภาพยนตร์ประกอบ[100] ขณะที่ในเว็บไซต์ GameRankings ได้จัดระดับคะแนนให้อยู่ที่ 91% และในเว็บไซต์ Metacritic ได้ให้ระดับคะแนนความชื่นชอบที่ 92 จาก 100[84][85] ฮะชิโมะโตะ ชินจิ ผู้สร้างเกม ได้กล่าวว่า กระแสตอบรับของเกมโดยรวมแล้วถือว่า "ยอดเยี่ยม" จากที่ได้รับคำชมและรางวัลจากสื่อต่างๆ[43]

ในทางกลับกัน สื่อบางสำนักก็ได้วิจารณ์เกมนี้ไปในทางลบ นิตยสาร Edge จากสหราชอาณาจักรได้ให้คะแนน้อยกว่าสื่อข้างต้นไปมาก โดยวิจารณ์ว่าไม่ทำให้รู้สึกถึงประสบการณ์ของเกมรุ่นใหม่ ระบบการต่อสู้มีรายละเอียดที่ซับซ้อนกว่าภาคก่อนๆ หน้า และบทสนทนาดู "น่าคลื่นไส้"[75] Andrew Reiner จากนิตยสาร Game Informer วิจารณ์ว่าเนื้อหาของเกมเป็นเส้นตรงและผู้เล่นไม่สามารถเดินทางด้วยโจโคโบะหรือควบคุมเรือเหาะได้อีกต่อไป[80] Tome Bramwell จากเว็บไซต์ยูโรเกมเมอร์ได้ให้ความเห็นว่า ปริศนาภายในเกมนั้นน่าผิดหวังและมีอยู่มากเกินไป ส่วนผังสเฟียร์นั้นแม้จะดูดี แต่ก็มีอิทธิพลต่อตัวเกมมากเกินไป[76]

Legacy

[แก้]

จากความสำเร็จด้านยอดจำหน่ายและกระแสตอบรับ สแควร์เอนิกซ์ได้วางจำหน่ายเกมภาคต่อของ ไฟนอลแฟนตาซี X ใน พ.ศ. 2546 โดยใช้ชื่อว่า ไฟนอลแฟนตาซี X-2[69] ภาคต่อนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสองปีหลังจากตอนจบของ ไฟนอลแฟนตาซี X ซึ่งได้เกิดความขัดแย้งและภาวะยุ่งยากใจครั้งใหม่ขึ้น ทำให้ตัวละครต้องแก้ไขปัญหาที่ยังคงเหลือจากตอนจบที่ยังไม่คลี่คลายของภาคก่อนหน้า

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Zdyrko, Dave (2001-11-26). "Final Fantasy X Preview". IGN. สืบค้นเมื่อ 2008-12-14.
  2. 2.0 2.1 Tsai, Andy; Bomke, Christine. "Guides: Final Fantasy X - Game Systems". IGN. สืบค้นเมื่อ 2008-11-25.{{cite web}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
  3. Tsai, Andy; Bomke, Christine. "Guides: Final Fantasy X - Sphere Grid". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-12. สืบค้นเมื่อ 2008-11-25.{{cite web}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
  4. 4.0 4.1 Clark, James Quentin (2008-10-06). "Final Fantasy X International". RPGFan. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-12-11. สืบค้นเมื่อ 2008-11-23.
  5. <include
  6. <include
  7. 7.0 7.1 7.2 7.3 <include
  8. <include
  9. <include
  10. <include
  11. <include
  12. <include
  13. <include
  14. <include
  15. <include
  16. <include
  17. <include
  18. <include
  19. <include
  20. <include
  21. <include
  22. <include
  23. <include
  24. <include
  25. <include
  26. <include
  27. <include
  28. <include
  29. <include
  30. <include
  31. <include
  32. <include
  33. <include
  34. <include
  35. <include
  36. <include
  37. <include
  38. <include
  39. <include
  40. <include
  41. <include
  42. Long, Andrew. "Financial Fantasy X". RPGamer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-02-06. สืบค้นเมื่อ November 21, 2008.
  43. 43.0 43.1 Minkley, Johnny (April 15, 2002). "Interview: Square invades London". Computer and Video Games. สืบค้นเมื่อ August 28, 2009.
  44. 44.0 44.1 44.2 <include
  45. PSM Staff (February 2001). "Monitor: Final Fantasy X Goes Offline". PlayStation Magazine. Future Publishing (42): 18.
  46. Avistetto, Jimmy. "Final Fantasy X Not Online-Capable". RPGamer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-02-06. สืบค้นเมื่อ November 23, 2008.
  47. <include
  48. 48.0 48.1 48.2 <include
  49. 49.0 49.1 <include
  50. <include
  51. 51.0 51.1 <include
  52. GameSpot Staff (November 30, 2001). "Final Fantasy X". GameSpot. สืบค้นเมื่อ November 23, 2008.
  53. Huang, Michael. "Interview by RocketBaby.net". nobuouematsu.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-02-06. สืบค้นเมื่อ 2008-11-23.
  54. Yukiyoshi Ike Sato (November 29, 2000). "FFX Theme Song Complete". GameSpot. สืบค้นเมื่อ July 1, 2010.
  55. "Nobuo Uematsu - Sound Producer & Music". Square Enix. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-04-10. สืบค้นเมื่อ 2008-11-24.
  56. Gaan, Patrick; Schweitzer, Ben. "Final Fantasy X OST". RPGFan. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-04-11. สืบค้นเมื่อ 2008-11-26.{{cite web}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
  57. Gaan, Patrick; Schweitzer, Ben. "Final Fantasy X OST". RPGFan. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-04-11. สืบค้นเมื่อ March 4, 2008.{{cite web}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
  58. Rzeminski, Lucy. "Final Fantasy X Official Soundtrack". RPGFan. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-04-11. สืบค้นเมื่อ March 4, 2008.
  59. "feel/Go dream ~ Yuna & Tidus". RPGFan. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-04-09. สืบค้นเมื่อ March 4, 2008.
  60. Maas, Liz; Thomas, Damian. "Piano Collections Final Fantasy X". RPGFan. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-04-16. สืบค้นเมื่อ March 4, 2008.{{cite web}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
  61. Rzeminski, Lucy. "Final Fantasy X Vocal Collection". RPGFan. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-04-16. สืบค้นเมื่อ March 4, 2008.
  62. (February 19, 2003). The Black Mages. DigiCube. SSCX-10080
  63. (December 22, 2004). The Black Mages II: The Skies Above. Universal Music. UPCH-1377
  64. Schnieder, Peer (May 11, 2005). "Dear Friends: Music from Final Fantasy". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-03-22. สืบค้นเมื่อ March 1, 2006.
  65. "20020220 - Music from FINAL FANTASY". RPGFan. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-20. สืบค้นเมื่อ April 1, 2007.
  66. "Distant Worlds - Music from Final Fantasy - Album Information". Square Enix Music Online. สืบค้นเมื่อ February 22, 2008.
  67. "Album Information - Tour de Japon: Music from Final Fantasy DVD". Square Enix Music Online. สืบค้นเมื่อ February 22, 2008.
  68. Chronologist (2001-07-19). "Final Fantasy X Ships, Includes FFXI Trailer". RPGFan. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-02-06. สืบค้นเมื่อ 2008-11-23.
  69. 69.0 69.1 Dunham, Jeremy (2003-11-24). "Final Fantasy X-2 Developer Interview". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-03-10. สืบค้นเมื่อ 2008-11-24.
  70. Calvert, Justin (2003-09-10). "Final Fantasy X-2: Prologue for US and Europe". GameSpot. สืบค้นเมื่อ 2008-11-26.
  71. Witham, Joseph. "Final Fantasy X International Europe Bound". RPGamer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-01-04. สืบค้นเมื่อ November 23, 2008.
  72. Gantayat, Anoop (July 1, 2005). "Square Enix Announces Ultimate Hits Collection". IGN. สืบค้นเมื่อ November 23, 2008.
  73. "Final Fantasy X". Square Enix. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-08-22. สืบค้นเมื่อ November 27, 2008.
  74. IGN Staff (August 20, 2001). "Final Fantasy X Ultimania Guide". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-08-06. สืบค้นเมื่อ November 26, 2008.
  75. 75.0 75.1 <include
  76. 76.0 76.1 Bramwell, Tom (June 16, 2002). "Final Fantasy X Review". Eurogamer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-12. สืบค้นเมื่อ November 23, 2008.
  77. "Final Fantasy - famitsu Scores Archive". Famitsu Scores Archive. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-07-14. สืบค้นเมื่อ July 16, 2008.
  78. Weigand, Mike (December 14, 2001). "GamePro: Final Fantasy X". GamePro. สืบค้นเมื่อ July 13, 2010.
  79. Liu, Johnny (December 1, 2001). "GameRevolution: Final Fantasy X". Game Revolution. สืบค้นเมื่อ July 13, 2010.
  80. 80.0 80.1 Leeper, Justin. "Final Fantasy X". Game Informer. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2005-02-24. สืบค้นเมื่อ November 23, 2008.
  81. Kasavin, Greg (December 14, 2001). "Final Fantasy X Review". GameSpot. CBS Interactive. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 12, 2009. สืบค้นเมื่อ November 23, 2008.
  82. Padilla, Raymond (December 15, 2001). "Final Fantasy X Review". GameSpy. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 15, 2012. สืบค้นเมื่อ November 20, 2008.
  83. Smith, Daniel (December 18, 2001). "IGN: Final Fantasy X Review". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-18. สืบค้นเมื่อ January 12, 2009.
  84. 84.0 84.1 "Final Fantasy X Reviews". Game Rankings. สืบค้นเมื่อ November 24, 2008.
  85. 85.0 85.1 "Final Fantasy X (ps2: 2001): Reviews". Metacritic. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-09-17. สืบค้นเมื่อ November 23, 2008.
  86. IGN Staff (July 19, 2001). "Final Fantasy X Sells Like Crazy; World Not Shocked". IGN. สืบค้นเมื่อ November 24, 2008.
  87. 87.0 87.1 <include
  88. IGN Staff (July 24, 2001). "Final Fantasy X Approaches 2 Million Copies Sold". IGN. สืบค้นเมื่อ November 24, 2008.
  89. IGN Staff (January 7, 2001). "FFX Tops Sales Charts". IGN. สืบค้นเมื่อ November 24, 2008.
  90. Varanini, Giancarlo (January 30, 2002). "Final Fantasy X sales meet expectations". GameSpot. สืบค้นเมื่อ November 24, 2008.
  91. Androvich, Mark (October 26, 2007). "PS2 celebrates 7th anniversary". Gamesindustry.biz. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-02-05. สืบค้นเมื่อ November 24, 2008.
  92. Calvert, Justin (January 20, 2004). "Final Fantasy X-2 sells a million". GameSpot. สืบค้นเมื่อ November 24, 2008.
  93. "最優秀賞は「FF10」!! 「第6回 CESA GAME AWARDS」授賞式". GPARA.COM. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-08-26. สืบค้นเมื่อ May 28, 2009.
  94. "The Best and Worst of 2001". GameSpot. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-20. สืบค้นเมื่อ July 6, 2010.
  95. IGN PlayStation Team (March 16, 2007). "The Top 25 PS2 Games of All Time". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-02-28. สืบค้นเมื่อ November 24, 2008.
  96. "The Top 10 Best Looking PS2 Games of All Time". IGN. May 7, 2010. สืบค้นเมื่อ June 29, 2010.
  97. "Readers' Picks Top 100 Games". IGN. June 20, 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-08-14. สืบค้นเมื่อ June 29, 2010.
  98. Kalata, Kurt (March 19, 2008). "A Japanese RPG Primer – Final Fantasy X". Gamasutra. p. 15. สืบค้นเมื่อ November 25, 2009.
  99. Game Informer staff (December 2009). "The Top 200 Games of All Time". Game Informer (200): 44–79.
  100. 100.0 100.1 IGN Staff (July 13, 2001). "Final Fantasy X Gets Rated in Japan". IGN. สืบค้นเมื่อ November 24, 2008.
  101. Edge Staff (March 3, 2006). "Japan Votes on All Time Top 100". Edge. สืบค้นเมื่อ November 24, 2008.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]