[title]
พอเกริ่นว่าเป็นอาหารลาตินอเมริกันหรือว่าโซนอเมริกาใต้ ทุกคนจะต้องนึกถึงอาหารเม็กซิโกเป็นอันดับแรก ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ไม่ว่ากัน เพราะต้องยอมรับว่าเราคุ้นเคยกับรสชาติของอาหารเม็กซิโกผ่านลิ้นและคุ้นตากันมาพอสมควรทั้งจากร้านฟาสต์ฟู้ดและร้านหรู แต่จริงๆ แล้วอาหารจากลาตินอเมริกันมีความหลากหลายมากกว่านั้น แถมยังมีลูกเล่นของรสชาติและความจัดจ้านที่คุ้นเราได้อย่างไม่ยาก อาหารลาตินอเมริกันบางจานจะนับว่าเป็นพี่น้องกับอาหารไทยยังได้เลย
และห้องอาหาร Guilty แห่งโรงแรม Anantara Siam Bangkok ก็พร้อมนำเสนอรสชาติที่สนุกปากอร่อยท้องแบบไม่ต้องรู้สึกผิด แต่กลับจะทำให้เรารู้สึก “Love at First Bite” เหมือนป้ายไฟนีออนที่โชว์เด่นอยู่ในร้าน
ก่อนจะไปแนะนำจานเด่นแต่ละจาน เราขออธิบายความเพิ่มเติมที่เราบอกว่าอาหารลาตินอเมริกัน อาหารไทย หรืออาหารเอเชียมีความใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะในเรื่องของความจัดจ้าน ครบรสทั้งเผ็ด เปรี้ยว และเค็ม นั้นมาจากการผสมผสานของวัฒนธรรมที่ยืนพื้นด้วยความเป็นลาตินแทรกด้วยอิทธิพลของความเป็นญี่ปุ่น จากการที่คนญี่ปุ่นย้ายไปตั้งรกรากในแถบนั้นมานานหลายปี จนเกิดเป็นอาหารแนวนิเคอิ หรือว่าง่ายๆ คือวัตถุดิบญี่ปุ่นปรุงแบบลาตินหรือจะเป็นในทางกลับกันก็ได้เหมือนกัน อาหารส่วนใหญ่จึงเกิดความคุ้นเคยทันทีที่ตักเข้าปากแม้จะไม่เคยกินมาก่อนก็ตาม
เชฟคาร์ลอส โรดริเกซ (Carlos Rodriguez) ชาวเวเนซูเอลา หัวหน้าพ่อครัวประจำห้องอาหาร Guilty เลือกเอาหลากเมนูท้องถิ่นมาปรับโฉมใหม่พร้อมใส่ลูกเล่นเพิ่มความสนุก ทั้งหน้าตาและรสชาติต่างๆ เข้าไป จนกลายเป็นอาหารลาตินอเมริกันแบบโมเดิร์น รวมถึงเครื่องดื่มค็อกเทลสไตล์ทิกิที่สนุกทั้งหน้าและรสชาติ ที่แฝงความแรงในทุกแก้ว
เริ่มที่จานแรกกับ Holy Guacamole! (550 บาท) กัวคาโมเล่ที่มาปรุงแบบสดๆ จานต่อจานที่โต๊ะ Toda La Vida Ceviche (800 บาท) ปลาฮามาจิแล่ชิ้นหนา เสิร์ฟพร้อม Tiger Milk ที่ไม่ได้ทำจากนมควายแต่อย่างใด แต่มันคือซอสสไตล์เปรูเวียนที่ใช้สำหรับการทำเซวีเช่โดยเฉพาะ ได้ความเปรี้ยวเผ็ดสดชื่นแต่เข้มข้นจากพริกและมะนาว ลองหลับตาชิมชวนให้นึกถึงต้มข่าไก่ประมาณหนึ่ง ต่อมากับ Torched Tuna Tataki (550 บาท) ทูน่าชิ้นสวยจี่ด้านนอกให้พอสุกได้สองเท็กซ์เจอร์ในหนึ่งชิ้น ตัวซอสแอบเซอร์ไพรส์ด้วยรสความเป็นญี่ปุ่่นจากไวท์มิโซะและสาเก จานนี้ถือว่ารสจัดแบบร้อนแรงจนเหงื่อตกได้เลย เพราะมีฆาลาเปญโญเมโยหยอดลงมาเหมือนลูกโดดในอาหารไทย
ต่อเนื่องกับอีกสองเมนูอาหารทะเลทั้งหอยเชลล์ฮอกไกโด Plancha Grilled Hokkaido Scallops (1050 บาท) เพิ่มเท็กซ์เจอร์กรอบๆ ด้วยการเคลือบคินัวร์ทั้งชิ้น และ Pescado “A la Plancha” (700 บาท) ปลากะพงแดงชิ้นหนาที่รสยังคงจัดจ้านในจานนี้ จนต้องอาจขอตัดรสจัดด้วยของทอดสักหน่อยด้วย Croquetas De Cangrejo (600 บาท) โครเกตต์ผสมเนื้อปูแบบครีมมี่แน่นๆ กรอบนอกนุ่มใน
สำหรับจานเมนจะเสิร์ฟแบบอลังการแชร์ได้ทั้งโต๊ะหายห่วงทั้ง Wagyu Grade 9 Picanha (250 กรัม) (1,800 บาท) เนื้อวากิวกริลล์สไตล์บาซิลเลียน มาพร้อมซอสเผ็ดจากพริกเหลือง Aji Limo เคียงมาด้วย Corn Lollipop ข้าวโพดกริลล์จนหอมราดซอสเมโยแบบเผ็ด ท็อปด้วยเฟต้าชีส
ถ้าไม่กินเนื้อที่นี่มีหมูสามชั้น Smoked Hibachi BBQ Pork Belly (800 บาท) ชิ้นหนาโชว์ชั้นหนัง ไขมัน และเนื้อแบบสวยๆ พอเข้าปากจะชวนให้นึกถึงหมูชาชูแบบญี่ปุ่น แต่มีความพิเศษของรสชาติจากซอสสูตรลับของเชฟที่ทั้งหมักและเคลือบตลอดขั้นตอนการกริลล์
จานที่ทั้งโต๊ะลงมติว่าอร่อยแบบเกิดคาดเกินหน้าตาไปไกลหลายช่วงตัวคือ Cartagenera Rice (250 บาท) ในหมวดจานเคียง ข้าวผัดสไตล์เปรูเวียนที่เป็นจุดกึ่งกลางของความเป็นปาเอญ่าแบบสเปนและริซอตโต้แบบอิตาเลียน ให้ความกรึบจากเม็ดข้าวและความนุ่มละมุนแบบจัดจ้านของน้ำสต๊อกปลา
สำหรับที่นี่เราว่าคือห้องอาหารที่อยากให้ทุกคนได้มาแชร์ความสนุกผ่านอาหารที่อร่อยๆ บนโต๊ะ พร้อมความเซอร์ไพรส์ที่ซ่อนอยู่ตั้งแต่ในรสชาติอาหาร จนถึงบรรยากาศของร้าน ยิ่งถ้าไปช่วงดินเนอร์ ที่นี่สามารถกลายร่างเป็นคลับให้คุณโยกตัวไปกับเพลงลาตินจังหวะร้อนแรงได้ด้วย
ห้องอาหารกิลตี้ เปิดให้บริการทุกวัน (ส่วนวันอาทิตย์จะให้บริการเฉพาะช่วงดินเนอร์) มื้อกลางวัน เวลา 12.00 น. – 14.30 น. และมื้อค่ำ เวลา 18.00 น. – 24.00 น. สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่ง โทร. 0 2126 8866 หรืออีเมล: guilty.asia@anantara.com