ไบรอัน คลัฟ
ข้อมูลส่วนตัว | |||
---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | ไบรอัน โฮเวิร์ด คลัฟ | ||
ตำแหน่ง | กองหน้า |
ไบรอัน คลัฟ (อังกฤษ: Brian Clough) อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวอังกฤษผู้เป็นเสมือนตำนานของวงการฟุตบอลอังกฤษ มีชื่อเต็มว่า ไบรอัน โฮเวิร์ด คลัฟ (Brian Howard Clough) เกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม ค.ศ. 1935 ที่เมืองมิดเดิลสโบร ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลในตำแหน่งศูนย์หน้าให้กับทีมมิดเดิลสโบร ในปี ค.ศ. 1955 และได้ย้ายไปร่วมทีมซันเดอร์แลนด์ โดยมีสถิติการเล่นฟุตบอลในระดับสโมสรทั้งหมด 222 นัด ยิงได้ถึง 204 ประตู
ในระดับทีมชาติเคยติดทีมชาติอังกฤษตั้งแต่ชุดเยาวชน ทีมชาติชุดสำรอง และทีมชาติชุดใหญ่ในช่วงสั้น ๆ โดยเล่นให้เป็นจำนวน 2 นัด ในปี ค.ศ. 1959
คลัฟ เริ่มเป็นผู้จัดการทีมตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1967 หลังเลิกเล่นฟุตบอลจากปัญหาบาดเจ็บที่หัวเข่าในปี ค.ศ. 1962 โดยสร้างชื่อมาจากการเป็นผู้จัดการทีมดาร์บี เคาน์ตี และสามารถพาทีมดาร์บี เคาน์ตี ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลขนาดเล็ก คว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ซึ่งเป็นแชมป์ฟุตบอลลีกสูงสุดของอังกฤษ (ในขณะนั้น) ได้ในปี ค.ศ. 1971-ค.ศ. 1972 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
จากนั้น ย้ายมาคุมทีมนอตติงแฮม ฟอเรสต์ ในปี ค.ศ. 1975 และพาทีมคว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพ ถึง 2 สมัย ติดต่อกัน คือ ในปี ค.ศ. 1979 และ ค.ศ. 1980 นอกจากนี้แล้วยังพาทีมคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1, ลีก คัพ และสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการทำทีมไม่แพ้ทีมใดติดต่อกันนานถึง 42 นัด ซึ่งเป็นสถิติที่ยาวนานก่อนที่จะมาทำลายลงโดย ทีมอาร์เซนอลในอีกหลายปีต่อมา[1]
อย่างไรก็ตาม คลัฟ ยังได้ชื่อว่าเป็น ผู้จัดการทีมที่มีอารมณ์ร้อนและวาทะที่ร้อนแรง จนได้รับฉายาว่า "กุนซือปากกรรไกร" โดยเฉพาะ ในปี ค.ศ. 1989 ในนัดที่ นอตติงแฮม ฟอเรสต์ เอาชนะ ทีมควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ในรายการลีก คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ คลัฟ ในฐานะผู้จัดการทีมนอตติงแฮม ฟอเรสต์ ได้วิ่งลงไปชกแฟนบอล 2 คนที่วิ่งลงมาในสนาม ซิตี กราวนด์ จนถูกทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ลงโทษด้วยการปรับเป็นเงิน 5,000 ปอนด์ (ประมาณ 375,000 บาท)[2]
แต่ในการเป็นผู้จัดการทีมลีดส์ ยูไนเต็ด นั้น คลัฟไม่ประสบความสำเร็จเสียเลย โดยทำหน้าที่เพียง 44 วันเท่านั้น ระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน ค.ศ. 1974 ตั้งแต่เมื่อเดินทางมาถึง คลัฟได้บอกให้บรรดานักฟุตบอลของทีมทิ้งถ้วยรางวัลและเหรียญตราต่าง ๆ ที่ได้มาหมดเสียเพราะได้มาด้วยการโกง อีกทั้งก่อนหน้านั้นคลัฟก็ได้เรียกร้องให้ทีมปรับผู้จัดการคนเก่า คือ ดอน เรวีส์ ทิ้งเสียเพราะทีมในขณะนั้นมีการเล่นขี้โกงจนเป็นนิสัย นั่นทำให้คลัฟไม่ได้รับการยอมรับจากนักฟุตบอล โดยมีสถิติชนะเพียงแค่นัดเดียวจากทั้งหมด 6 นัด อยู่ในอันดับ 4 จากท้ายตารางคะแนน ทั้งที่ฤดูกาลที่แล้ว ลีดส์ ยูไนเต็ด เป็นแชมป์เก่า ซึ่งในช่วงเวลานี้ถูกเรียกว่าเป็น "นรกแตก" สำหรับชีวิตของไบรอัน คลัฟ ได้เลยทีเดียว[3]
ไบรอัน คลัฟ เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 2004 ตรงกับวันจันทร์ ที่โรงพยาบาลในเมืองดาร์บี ด้วยโรคมะเร็งที่ช่องท้อง ในวัย 69 ปี ซึ่งหลังจากการเสียชีวิตของเขา ก่อนการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ก็ได้มีการยืนไว้อาลัยให้แก่การเสียชีวิตของเขาด้วย[4]
ไบรอัน คลัฟ ได้ชื่อว่าเป็นผู้จัดการทีมชาวอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ไม่ได้คุมทีมชาติอังกฤษ ปัจจุบัน มีประติมากรรมที่สร้างจากทองแดงเพื่อระลึกถึงเขาที่หน้าสโมสรดาร์บี เคาน์ตี และ นอตติงแฮม ฟอเรสต์ อีกทั้งมีการตั้งชื่อถนนตามชื่อของเขาเพื่อเป็นเกียรติประวัติ และในปี ค.ศ. 2009 ได้มีการสร้างภาพยนตร์ที่ว่าด้วยถึงชีวประวัติของเขา ในชื่อเรื่องว่า The Damned United[5] นำแสดงโดย ไมเคิล ชีน
ประวัติการเป็นผู้จัดการทีม
[แก้]สโมสร | สัญชาติ | ตั้งแต่ | ถึง | สถิติ | ||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ทั้งหมด | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ร้อยละของการชนะ | ||||
ฮาร์ทเทิลพูน ยูไนเต็ด | 1 ตุลาคม 1965 | 1 พฤษภาคม 1967 | 84 | 35 | 13 | 36 | 41.67 | |
ดาร์บี เคาน์ตี | 1 มิถุนายน 1967 | 15 ตุลาคม 1973 | 289 | 135 | 70 | 84 | 46.71 | |
บริงตัน & โฮฟ อัลเบียน | 1 พฤศจิกายน 1973 | 30 กรกฎาคม 1974 | 32 | 12 | 8 | 12 | 37.50 | |
ลีดส์ ยูไนเต็ด | 30 กรกฎาคม 1974 | 12 กันยายน 1974 | 7 | 1 | 3 | 3 | 14.29 | |
นอตติงแฮม ฟอเรสต์ | 6 มกราคม 1975 | 8 พฤษภาคม 1993 | 907 | 411 | 246 | 250 | 45.31 | |
ทั้งหมด | 1319 | 594 | 340 | 385 | 45.03 |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ เวนเกอร์ยก‘ไบรอัน คลัฟ’ตำนานลูกหนังตัวจริง จากสนุกดอตคอม
- ↑ [ลิงก์เสีย] กุนซือปากตะไกร "ไบรอัน คลัฟ" เสียชีวิตแล้ว จากผู้จัดการออนไลน์
- ↑ อย่างนี้ต้องปลด!!!, หน้า 20 กีฬา โดย ผยองเดช. เดลินิวส์ฉบับที่ 23,359: พฤหัสบดีที่ 26 กันยายน 2556 แรม 7 ค่ำ เดือน 10 ปีมะเส็ง
- ↑ Football legend Clough dies จากบีบีซี
- ↑ "The Damned Unitedสร้างจากประวัติชีวิต ไบรอัน คลัฟ สุดยอดกุนซือ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-10-12. สืบค้นเมื่อ 2010-12-20.