lotm1661

lotm1661 Pro

Favorite films

  • The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring
  • Beautiful Thing
  • Reds
  • Scream

Recent activity

All
  • Au Hasard Balthazar

    ★★★★★

  • Listen Up Philip

    ★★★★½

  • Queen of Earth

    ★★★★½

  • Fists in the Pocket

    ★★★★★

Recent reviews

More
  • Au Hasard Balthazar

    Au Hasard Balthazar

    ★★★★★

    หนังของโรแบร์ เบรสซงนี่เป็นความมินิมอลที่เต็มประสิทธิภาพมาก ทุกช็อตทุกซีนเต็มไปด้วยรายละเอียดของเหตุการณ์ให้ต้องจับจ้องสังเกตเอาเอง เรารู้สึกว่าหนังเล่าเรื่องด้วยจังหวะเดียวกันทั้งเรื่องแต่มันเป็นจังหวะที่ไหลเร็วมากจนต้องจดจ่อแบบห้ามกะพริบตา เป็นหนังแบบที่ดูรอบเดียวเก็บไม่หมดน่ะ

    หนังเล่าความผูกพันของเจ้าลาชื่อบัลธาซาร์กับลูกสาวเจ้าของฟาร์ม มารี (Anne Wiazemsky) ที่เจ้าลาก็เปลี่ยนผ่านเจ้าของไปเรื่อย ๆ ส่วนหญิงสาวก็มีหวานใจตั้งแต่วัยเด็กอย่างฌาคส์ (Walter Green) แล้วยังต้องถูกปองร้ายจากชายนิสัยรุนแรงอย่างเจอราร์ด (François Lafarge)

    ดูแล้วนึกถึงหนังยุคใหม่ที่คล้ายกันอย่าง Lost and Beautiful (2015) หรือ EO (2022) ว่าในที่สุดก็ได้ฤกษ์ดูหนังขึ้นหิ้งที่เป็นต้นแบบแรงบันดาลใจมากมายเรื่องนี้เสียที ;)​

  • Listen Up Philip

    Listen Up Philip

    ★★★★½

    ความหมกมุ่นลุ่มหลงในตัวเองเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของมนุษย์ แล้วแต่ว่าใครจะมีมากมีน้อย ซึ่งพระเอกเรื่องนี้คงติดท็อปลิสต์ได้ไม่ยาก

    ฟิลิป (Jason Schwartzman) เป็นนักเขียนที่กำลังจะมีหนังสือเล่มที่สองออกขาย แต่บก.ไม่ค่อยเห็นดีเห็นงามในผลงานชิ้นนี้สักเท่าไร เขาตัดสินใจทิ้งแฟนสาว แอชลีย์ (Elisabeth Moss) ไปพักอยู่กับนักเขียนรุ่นใหญ่ ไอค์ ซิมเมอร์แมน (Jonathan Pryce) เพื่อขอคำชี้แนะ และนั่นก็สร้างความรำคาญใจให้กับลูกสาวของนักเขียนชราอย่างเมลานี (Krysten Ritter) มาก

    พระเอกเป็นคนที่ชีวิตนี้ไม่เคยสนใจใครนอกจากตัวเอง แฟนสาวที่คอยสนับสนุนเขาไม่เคยได้รับอะไรแบบเดียวกันตอบแทน แล้วตอนแรกเรานึกว่านักเขียนชราจะช่วยเบิกเนตรให้เขาได้ ปรากฎว่าตระกูลนักเขียนก็เป็นคนจำพวกเดียวกันหมด ชายแท้ทั้งสองเลยเข้ากันได้ดีไปใหญ่ ดูแล้วตระหนักใจว่าคนแบบไหนที่ชีวิตควรเลี่ยง ;)​

Popular reviews

More
  • Chitty Chitty Bang Bang

    Chitty Chitty Bang Bang

    ★★★★

    หนังบ้องแบ๊วมากจนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าดูตอนเป็นเด็กคงสนุกกว่านี้ 55

    คาแรคเทคัส พอทท์ส (Dick Van Dyke) เป็นคุณพ่อนักประดิษฐ์ที่ของแต่ละอย่างดูก๊อง ๆ แก๊ง ๆ ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนทรูลี สครัมพ์เชียส (Sally Ann Howes) เป็นลูกสาวเจ้าของโรงงานทำขนมที่เขาพยายามไปขายขนมที่เป่าเพลงได้ให้

    เนื้อเรื่องของหนังเบาบางมากแต่ก็เข้าใจได้ในความไม่ซับซ้อนเพราะสร้างจากหนังสือเด็ก ความหรรษาส่วนใหญ่จึงไปอยู่ตรงเรื่องเล่าแฟนตาซีที่พระเอกเล่าให้หลานสองคนฟังบนรถประดิษฐ์ใหม่ ณ ริมทะเลแหวก ซึ่งในจินตนาการหนีโจรสลัดนั้น รถก็ทั้งล่องทะเลและเหาะเหินได้ตามใจนึก

    ที่ต้องชมมากคือโลเคชันที่หนังเลือกมาแทนเมืองสมมติวัลแกเรีย วิวทิวทัศน์แต่ละฉากงดงามมาก ปราสาทนอยชวานสไตน์ก็สวยตระหง่าน เพลงในหนังก็เพราะชวนฮัมชวนโยกตามทุกเพลงเลย จากฝีมือของ Sherman Brothers ที่ชนะออสการ์จาก Mary Poppins ในเพลงปล่องไฟ Chim Chim Cher-ee ​ที่เล่นคำแบบเดียวกันเลย

    หนังดูได้เพลิน ๆ แต่ก็เป็นความเพลินแบบเด๊กเด็ก ซึ่งก็ใสดีเหมือนกัน ในขณะที่หนังเด็กสมัยนี้มักจะสอดแทรกความดาร์คหรือมีเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนกว่านี้ เพลงชิตตี้ ชิตตี้ แบง แบงนี่ในเรื่องร้องบ่อยมากจนดูจบแล้วยังต้องแอบพึมพำตาม ;)​

  • I'm Still Here

    I'm Still Here

    ★★★★★

    รวดร้าวแหลกราญสุดหัวใจ! หนังเล่าเรื่องของผู้หลงเหลือจากเหยื่ออุ้มหายของรัฐเผด็จการได้แสนชอกช้ำแต่เข้มแข็งมาก

    ปี 1970 ในบรรยากาศคุกรุ่นทางการเมืองภายใต้เผด็จการทหาร ยูนิซ ไพวา (Fernanda Torres) กับสามี รูเบนส์ (Selton Mello) อดีตสส.ที่เธอเชื่อว่าเลิกยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมืองมานานแล้ว ถูกกลุ่มคนลึกลับมาเยือนถึงบ้านและเชิญไปให้ปากคำโดยที่ไม่ได้รู้เห็นอะไรด้วย ปรากฎว่ามีเพียงเธอที่ต้องกลับมาเฝ้ารอสามีอยู่ที่บ้านกับลูก ๆ ห้าคน

    เผด็จการมีวิธีที่เหี้ยมโหดและไร้มนุษยธรรมในการกำจัดคนที่ถูกมองเป็นเสี้ยนหนามอยู่เสมอแบบที่ทุกคนได้แต่มองตาปริบ ๆ เพราะพวกมันอาศัยกฎหมายและกองทัพเป็นเครื่องมือทำชั่ว ในบางประเทศก็ยังสืบทอดอำนาจไปต่ออย่างตายช้าและหน้าด้าน การเมืองและปราชาธิปไตยในบราซิลก็ยังคงอ่อนไหวไม่แข็งแรงจนถึงทุกวันนี้จนดูแล้วสะท้อนใจกับบ้านเมืองไทยอยู่เหมือนกัน เพราะรัฐประหารและคอรัปชันมันทำให้ทุกอย่างถดถอยไปเรื่อย ๆ

    เฟอร์นันดา ทอร์เรซมอบการแสดงที่แสนวิเศษในหนังเรื่องนี้ ตลอดเวลากับทุกสิ่งที่เธอต้องประสบพบเจอ ไม่มีสักครั้งที่เธอจะมานั่งฟูมฟายให้ใครเห็นเพราะต้องเป็นเสาหลักของบ้าน จากการเฝ้ารออย่างมีความหวังจนถึงจุดที่สิ้นหวัง ทำใจและไปต่อ นี่ดูแล้วรู้สึกท้อจนอยากร้องไห้ แต่เธอก็ยังแสดงออกอย่างยืนหยัดเข้มแข็ง

    เราชอบมากที่หนังเล่าสิ่งเหล่านี้ออกมาแบบไม่ได้ขับเน้นอะไรจนเกินควร ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติ สิ่งที่แม่พยายามต่อสู้เปิดโปงแบบไม่ได้ต้องเล่าเยอะแต่เห็นผลและอดตื้นตันไม่ได้ การเปลี่ยนผ่านของเวลานั้นอาจช่วยบรรเทาแต่ไม่เคยเยียวยาอะไรได้เลย ฉากเล็ก ๆ ฉากนึงที่ชอบมากคือตอนที่นักข่าวมาขอถ่ายรูปครอบครัวแม่ลูกแล้วขอให้ทำหน้านิ่งเศร้า แต่เธอบอกทุกคนให้ยิ้ม ยิ้มสิ! ยิ้มสู้เผด็จการ! ไม่มีอะไรจะไร้ความเป็นคนได้เท่าสิ่งที่พวกมันทำอีกแล้ว

    รู้สึกเซอร์ไพรส์ที่ได้เห็น Fernanda Montenegro​ อีกครั้งด้วย เราเคยดูหนังที่เธอเล่นแค่สองสามเรื่องและจำได้จริง ๆ แค่จากใน Central Station (1998) นั่นแหละ ในวัย 95 แล้วยังเล่นหนังสื่อผ่านสีหน้าสายตาได้อย่างยอดเยี่ยม ;)​