lotm1661

lotm1661 Pro

Favorite films

  • The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring
  • Beautiful Thing
  • Reds
  • Scream

Recent activity

All
  • The Executioner's Song

    ★★★★

  • Ethan Frome

    ★★★★

  • Hero

    ★★★★½

  • Chitty Chitty Bang Bang

    ★★★★

Recent reviews

More
  • The Executioner's Song

    The Executioner's Song

    ★★★★

    Tommy Lee Jones คว้ารางวัล Emmy นำชายยอดเยี่ยมจากหนังทีวีเรื่องนี้

    หนังสร้างจากเรื่องของ Gary Gilmore ชายผู้พ้นโทษจากข้อหาปล้นออกมาอาศัยอยู่ใน Salt Lake City เขาพบรักกับผู้หญิงคนหนึ่ง (รับบทโดย Rosanna Arquette แม่ของ Patricia Arquette)​ แต่ในขณะเดียวกัน พฤติกรรมรุนแรงและลักขโมยแบบไม่รู้ผิดถูกก็ไม่เคยหายไปไหน ทั้งขโมยของแบบเข้าร้านแล้วหยิบเบียร์มาลังนึงเดินออกไปเลยงี้ จนถึงทะเลาะวิวาทไปเรื่อย จนถึงจุดที่ฝ่ายหญิงทนอยู่ด้วยไม่ไหว หอบลูกติดหนีไป

    เหตุการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อเขาถือปืนเข้าไปยิงพนักงานขายของตามร้านตาย ทำแบบนี้อยู่สองวันติดกัน ตำรวจก็ตามเจอ เรื่องราวที่เป็นที่สนใจไปทั่วประเทศเกิดขึ้นเมื่อเขารับผิดในศาลอย่างง่ายดาย โดยเรียกร้องขอรับโทษประหารชีวิตด้วยตัวเอง

    โทษประหารชีวิตของเขากลายเป็นเคสแรกหลังจากรัฐสภาเคยยกเลิกบทลงโทษนี้ไป แล้วอนุมัติผ่านร่างกฎหมายนี้ออกมาใหม่เมื่อปี 1976

    หนังดีและน่าตกใจในพฤติกรรมของมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ได้เกี่ยวกับอาการทางจิตใดๆ แต่น่าจะผ่านการเลี้ยงดูเติบโตมาแบบไหนก็ไม่รู้ถึงได้แยกแยะผิดถูกไม่ได้และใช้ความรุนแรงกับเรื่องรอบตัวอยู่ตลอด

    หนังมีไปถ่ายที่ Utah State Capitol เป็นจุดเดียวกับที่เราเข้าไปเดินเล่นถ่ายรูปอยู่ตอนไปเที่ยวเมื่อปีที่แล้วเลยด้วย ;)​

  • Ethan Frome

    Ethan Frome

    ★★★★

    อีกหนึ่งเรื่องราวความรักผิดทำนองคลองธรรมจนต้องพบกับบทลงโทษแสนสาหัส

    หนังเปิดเรื่องด้วยคำบอกเล่าของหญิงในหมู่บ้านให้นักเทศน์ผู้มาใหม่ได้รับทราบถึงเรื่องราวของชายขาพิการกลางหิมะกับต้นไม้ที่เป็นจุดเกิดเหตุ

    อีธาน (Liam Neeson) อาศัยอยู่กับแม่ที่ป่วย เขาได้ซีน่า (Joan Allen) ลูกพี่ลูกน้องมาช่วยดูแลแม่ แล้วพอแม่ตายไป เขากับซีน่าก็แต่งงานกัน จากนั้นกลายเป็นว่าซีน่าก็เริ่มเจ็บป่วยเรื้อรังไม่หายสักที ต่อมาแม็ตตี้ (Patricia Arquette) ญาติผู้น้องของซีน่าจึงมาอยู่ช่วยดูแล

    อีธานกับแม็ตตี้ดูสนใจกันแต่ก็พยายามหักห้ามใจกันมาตลอด จนเมื่อซีน่าต้องเดินทางไปหาหมอคนใหม่ที่ต่างเมือง ก็เป็นจังหวะที่ทั้งสองก้าวข้ามศีลธรรมจนมีอะไรกัน อีธานผู้อยู่ใต้อำนาจของภรรยาผู้เกรี้ยวกราดมาตลอดอยากจะมีความสุขกับแม็ตตี้ หลังเกิดจุดแตกหักระหว่างภรรยากับแม็ตตี้ เขาวางแผนจะหนีไปด้วยกันกับเธอ จนมาเกิดเรื่องเศร้า

    หนังค่อนข้างเนิบ นักแสดงทั้งสามเล่นดีมาก โดยเฉพาะ Joan Allen ที่เราคิดว่าเธอเป็นนักแสดงฝีมือดีที่มักถูกมองข้าม ในเรื่องนี้แม้บทของเธอจะแบนไปหน่อย แต่ก็ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับหนังดี เพราะช่วงที่มีแค่อีธานกับแม็ตตี้อยู่ด้วยกันสองคนนี่หนังจืดมาก

    บทสรุปของหนังก็คงสร้างตามนิยายต้นฉบับมาแหละ แต่เราว่าเรื่องราวมันลงโทษตัวละครหนักเกินจนน่าสงสาร ยิ่งฉากตอนท้ายที่ให้เราได้เห็นชะตากรรมของทั้งสามว่าต้องอยู่กันยังไงแล้วนี่แบบโคตรหดหู่เลย ทำไมชีวิตต้องโหดร้ายขนาดนี้ ;)​

Popular reviews

More
  • Merchant Ivory

    Merchant Ivory

    ★★★★★

    สารคดีเล่าชีวิตและผลงานของคู่หูคู่รัก James Ivory กับ Ismail Merchant​ ที่ดูแล้วคิดถึงงานเด่นแต่ละเรื่องจนอยากหยิบมาดูซ้ำรัว ๆ เลย

    แน่นอนว่าการเล่าเรื่องของทั้งสอง นอกจากตัวเจมส์ ไอวอรี (ที่ปัจจุบันอายุ 96 แล้ว)​ ย่อมขาดเหล่านักแสดงทั้งขาประจำและขาจรจากงานขึ้นหิ้งทั้งหลายไปไม่ได้ พอเคยดูแทบครบ filmography ของทั้งคู่แล้วแบบนี้ เราจึงรู้สึกเพลิดเพลินมากกับคลิปจากหนังเรื่องต่าง ๆ และบทสัมภาษณ์รำลึกวันวานของทีมงาน ซึ่งก็รวมถึงคนเขียนบทเกือบทุกเรื่องอย่าง Ruth Prawer Jhabvala และทีมงานแผนกคอสตูมอย่าง Jenny Beavan และ John Bright​ ที่ชนะออสการ์จากหนังของเมอร์แชนท์-ไอวอรีกันนี่แหละ (แต่ก็ไม่ได้พอยาไส้ ฝ่ายคอสตูมกล่าว 55)

    สิ่งที่เราเพิ่งตระหนักและมันถูกพูดถึงกันอย่างหนาหูมากคือเรื่องความจำกัดจำเขี่ยของบัดเจ็ตแต่ละเรื่อง ที่เราคิดว่ามันดูสวยหรู รุ่มรวยงานศิลป์ หลัก ๆ มันเป็นเพราะความปราณีตของงานภาพและการเลือกใช้โลเคชันอย่างชาญฉลาด หาใช่การทุ่มงบประมาณสร้างมันขึ้นมา เราจึงคิดไปเองว่าหนังก็มีทุนประมาณนึง ไม่ได้โลว์คอสต์จนทีมงานทุกคนต้องกัดฟันสู้กันขนาดนี้

    พอฟังจากคำเม้าท์มอยแล้วก็รู้สึกชื่นชมวิสัยทัศน์ของเจมส์ ไอวอรีเป็นอย่างมาก ดูเป็นคนใส่ใจในรายละเอียดอย่างมหาศาลแต่ก็ไม่ได้จุกจิกกับนักแสดงและปล่อยพื้นที่ให้แต่ละคนได้สร้างสรรค์ในส่วนรับผิดชอบของตัวเองอย่างเต็มที่

    ตลกที่ Emma Thompson เล่าถึงตอนถ่าย Howards End ว่าแค่ฉากขึ้นรถม้าธรรมดาฉากนึง แต่เจมส์ก็โผล่หน้าเข้ามาบอกว่ามันดูน่าเบื่อมาก ช่วยเล่นใหม่อีกที ขำหน้าเอ็มมาที่ดูทึ่งและชื่นชมในความดีเทลนี้ แต่ก็ใช่ว่าเจมส์จะเข้ากันได้ดีกับนักแสดงทุกคนเพราะเห็นมีข่าวทะเลาะฉาวกับ Vanessa Redgrave ตอน The Bostonians​ ด้วย!

    เรื่องส่วนตัวของเขายังมีเรื่องของการเป็นเกย์ที่เขาบอกว่าไม่เคยรู้สึกลำบากใจใด ๆ คือเป็นตัวของตัวเองมาตลอดแต่ก็รู้จักเลือกวางตัวอย่างเปิดเผย แต่เราแ​ป​ลกใจ (ไปเอง)​ ตรงที่อิสมาอิลเคยนอกใจไปคบกับคอมโพเซอร์ Richard Robbins โดยที่เจมส์ก็รู้ แล้วคุณนักแต่งเพลงนี่ก็เคยมีความรักยาวนานกับ Helena Bonham Carter มาก่อนอีก ซึ่งตัวเจมส์เองก็เคยไปมีคนอื่นด้วยเหมือนกัน…

  • I'm Still Here

    I'm Still Here

    ★★★★★

    รวดร้าวแหลกราญสุดหัวใจ! หนังเล่าเรื่องของผู้หลงเหลือจากเหยื่ออุ้มหายของรัฐเผด็จการได้แสนชอกช้ำแต่เข้มแข็งมาก

    ปี 1970 ในบรรยากาศคุกรุ่นทางการเมืองภายใต้เผด็จการทหาร ยูนิซ ไพวา (Fernanda Torres) กับสามี รูเบนส์ (Selton Mello) อดีตสส.ที่เธอเชื่อว่าเลิกยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมืองมานานแล้ว ถูกกลุ่มคนลึกลับมาเยือนถึงบ้านและเชิญไปให้ปากคำโดยที่ไม่ได้รู้เห็นอะไรด้วย ปรากฎว่ามีเพียงเธอที่ต้องกลับมาเฝ้ารอสามีอยู่ที่บ้านกับลูก ๆ ห้าคน

    เผด็จการมีวิธีที่เหี้ยมโหดและไร้มนุษยธรรมในการกำจัดคนที่ถูกมองเป็นเสี้ยนหนามอยู่เสมอแบบที่ทุกคนได้แต่มองตาปริบ ๆ เพราะพวกมันอาศัยกฎหมายและกองทัพเป็นเครื่องมือทำชั่ว ในบางประเทศก็ยังสืบทอดอำนาจไปต่ออย่างตายช้าและหน้าด้าน การเมืองและปราชาธิปไตยในบราซิลก็ยังคงอ่อนไหวไม่แข็งแรงจนถึงทุกวันนี้จนดูแล้วสะท้อนใจกับบ้านเมืองไทยอยู่เหมือนกัน เพราะรัฐประหารและคอรัปชันมันทำให้ทุกอย่างถดถอยไปเรื่อย ๆ

    เฟอร์นันดา ทอร์เรซมอบการแสดงที่แสนวิเศษในหนังเรื่องนี้ ตลอดเวลากับทุกสิ่งที่เธอต้องประสบพบเจอ ไม่มีสักครั้งที่เธอจะมานั่งฟูมฟายให้ใครเห็นเพราะต้องเป็นเสาหลักของบ้าน จากการเฝ้ารออย่างมีความหวังจนถึงจุดที่สิ้นหวัง ทำใจและไปต่อ นี่ดูแล้วรู้สึกท้อจนอยากร้องไห้ แต่เธอก็ยังแสดงออกอย่างยืนหยัดเข้มแข็ง

    เราชอบมากที่หนังเล่าสิ่งเหล่านี้ออกมาแบบไม่ได้ขับเน้นอะไรจนเกินควร ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติ สิ่งที่แม่พยายามต่อสู้เปิดโปงแบบไม่ได้ต้องเล่าเยอะแต่เห็นผลและอดตื้นตันไม่ได้ การเปลี่ยนผ่านของเวลานั้นอาจช่วยบรรเทาแต่ไม่เคยเยียวยาอะไรได้เลย ฉากเล็ก ๆ ฉากนึงที่ชอบมากคือตอนที่นักข่าวมาขอถ่ายรูปครอบครัวแม่ลูกแล้วขอให้ทำหน้านิ่งเศร้า แต่เธอบอกทุกคนให้ยิ้ม ยิ้มสิ! ยิ้มสู้เผด็จการ! ไม่มีอะไรจะไร้ความเป็นคนได้เท่าสิ่งที่พวกมันทำอีกแล้ว

    รู้สึกเซอร์ไพรส์ที่ได้เห็น Fernanda Montenegro​ อีกครั้งด้วย เราเคยดูหนังที่เธอเล่นแค่สองสามเรื่องและจำได้จริง ๆ แค่จากใน Central Station (1998) นั่นแหละ ในวัย 95 แล้วยังเล่นหนังสื่อผ่านสีหน้าสายตาได้อย่างยอดเยี่ยม ;)​