รวดร้าวแหลกราญสุดหัวใจ! หนังเล่าเรื่องของผู้หลงเหลือจากเหยื่ออุ้มหายของรัฐเผด็จการได้แสนชอกช้ำแต่เข้มแข็งมาก
ปี 1970 ในบรรยากาศคุกรุ่นทางการเมืองภายใต้เผด็จการทหาร ยูนิซ ไพวา (Fernanda Torres) กับสามี รูเบนส์ (Selton Mello) อดีตสส.ที่เธอเชื่อว่าเลิกยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมืองมานานแล้ว ถูกกลุ่มคนลึกลับมาเยือนถึงบ้านและเชิญไปให้ปากคำโดยที่ไม่ได้รู้เห็นอะไรด้วย ปรากฎว่ามีเพียงเธอที่ต้องกลับมาเฝ้ารอสามีอยู่ที่บ้านกับลูก ๆ ห้าคน
เผด็จการมีวิธีที่เหี้ยมโหดและไร้มนุษยธรรมในการกำจัดคนที่ถูกมองเป็นเสี้ยนหนามอยู่เสมอแบบที่ทุกคนได้แต่มองตาปริบ ๆ เพราะพวกมันอาศัยกฎหมายและกองทัพเป็นเครื่องมือทำชั่ว ในบางประเทศก็ยังสืบทอดอำนาจไปต่ออย่างตายช้าและหน้าด้าน การเมืองและปราชาธิปไตยในบราซิลก็ยังคงอ่อนไหวไม่แข็งแรงจนถึงทุกวันนี้จนดูแล้วสะท้อนใจกับบ้านเมืองไทยอยู่เหมือนกัน เพราะรัฐประหารและคอรัปชันมันทำให้ทุกอย่างถดถอยไปเรื่อย ๆ
เฟอร์นันดา ทอร์เรซมอบการแสดงที่แสนวิเศษในหนังเรื่องนี้ ตลอดเวลากับทุกสิ่งที่เธอต้องประสบพบเจอ ไม่มีสักครั้งที่เธอจะมานั่งฟูมฟายให้ใครเห็นเพราะต้องเป็นเสาหลักของบ้าน จากการเฝ้ารออย่างมีความหวังจนถึงจุดที่สิ้นหวัง ทำใจและไปต่อ นี่ดูแล้วรู้สึกท้อจนอยากร้องไห้ แต่เธอก็ยังแสดงออกอย่างยืนหยัดเข้มแข็ง
เราชอบมากที่หนังเล่าสิ่งเหล่านี้ออกมาแบบไม่ได้ขับเน้นอะไรจนเกินควร ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติ สิ่งที่แม่พยายามต่อสู้เปิดโปงแบบไม่ได้ต้องเล่าเยอะแต่เห็นผลและอดตื้นตันไม่ได้ การเปลี่ยนผ่านของเวลานั้นอาจช่วยบรรเทาแต่ไม่เคยเยียวยาอะไรได้เลย ฉากเล็ก ๆ ฉากนึงที่ชอบมากคือตอนที่นักข่าวมาขอถ่ายรูปครอบครัวแม่ลูกแล้วขอให้ทำหน้านิ่งเศร้า แต่เธอบอกทุกคนให้ยิ้ม ยิ้มสิ! ยิ้มสู้เผด็จการ! ไม่มีอะไรจะไร้ความเป็นคนได้เท่าสิ่งที่พวกมันทำอีกแล้ว
รู้สึกเซอร์ไพรส์ที่ได้เห็น Fernanda Montenegro อีกครั้งด้วย เราเคยดูหนังที่เธอเล่นแค่สองสามเรื่องและจำได้จริง ๆ แค่จากใน Central Station (1998) นั่นแหละ ในวัย 95 แล้วยังเล่นหนังสื่อผ่านสีหน้าสายตาได้อย่างยอดเยี่ยม ;)