สนใจในการรีวิว แต่เหมือนคนเขียนไม่เรื่อยมากกว่า
Favorite films
Recent activity
AllRecent reviews
More-
Novocaine 2025
น่าค้นหาด้วยพล็อตเรื่องที่แปลกใหม่ ด้วยการใช้ประเด็นความเจ็บปวดเป็นแก่นหลัก ผสานอารมณ์ขันตลกร้ายกับความโรแมนติกได้อย่างมีเสน่ห์ แม้บางประเด็นจะถูกนำเสนออย่างผิวเผินไปบ้าง แต่โดยรวมยังคงสร้างเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ
สิ่งแรกที่ต้องชื่นชม คือ การแสดงของ Jack Quaid ที่สามารถถ่ายทอดบุคลิกของตัวละครที่ทั้งเปราะบางและแข็งแกร่งในเวลาเดียวกันได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยความสามารถของเขาในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้ชมผ่านภาษากายและการแสดงออกทางสีหน้ามีความโดดเด่นเป็นพิเศษ จนกลายเป็นตัวละครที่น่าค้นหา
ส่วนตัวชอบแนวคิดของภาพยนตร์ที่หยิบยกประเด็นความเจ็บปวดมาเป็นแก่นสารหลัก ทำให้งานสร้างสรรค์ฉากแอ็คชันที่ออกแบบมาให้สอดคล้องกับแนวคิดเรื่องการไม่รู้สึกเจ็บปวดนั้น ทำให้แต่ละฉากมีเอกลักษณ์และแตกต่างจากภาพยนตร์แอ็คชันทั่วไป พร้อมกับรายละเอียดปลีกย่อยที่รอให้ผู้ชมได้สังเกต
นอกเหนือจากฉากแอ็กชันที่น่าตื่นเต้นแล้ว อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ อารมณ์ขันแบบตลกร้ายและเฮฮา ถือเป็นอีกองค์ประกอบที่ช่วยสร้างเสน่ห์ให้กับเรื่องราว บทภาพยนตร์นำเสนอมุกตลกที่มีทั้งความเฉียบคมและการเสียดสีที่แฝงความหมายในการสะท้อนถึงความเจ็บปวดของมนุษย์
แม้ว่าภาพยนตร์จะมีแนวคิดที่น่าสนใจและงานสร้างที่แข็งแรง แต่โครงเรื่องในบางช่วงอาจมีความยืดเยื้อเกินไป ทำให้จังหวะของภาพยนตร์บางช่วงดูช้าไปบ้าง แม้ว่าภาพยนตร์จะพยายามผสมผสานระหว่างแอ็คชันและคอมเมดี้ แต่ในบางจังหวะยังรู้สึกว่าทั้งสององค์ประกอบนั้นยังมีจุดต่างทำให้เข้ากันไม่ได้
"Novocaine" เป็นภาพยนตร์ที่ให้ทั้งความสนุก ตื่นเต้น และเสียงหัวเราะ ด้วยแนวคิดที่แตกต่างและการแสดงที่น่าจดจำของ Jack Quaid แม้ว่าอาจมีบางช่วงที่จังหวะของเรื่องดำเนินไปช้ากว่าที่ควร แต่ก็ไม่สามารถลดทอนเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ได้ พร้อมนำเสนอแก่นสารเกี่ยวกับความเจ็บปวดได้อย่างแยบยล
Translated from by -
Nebraska 2013
"การเดินทางที่เงียบงัน แต่กึกก้องในความรู้สึก"
ท่ามกลางถนนที่ทอดยาวและเมืองที่เวลาเหมือนจะหยุดเดิน มีบางความฝันที่ยังไม่จางหาย บางความทรงจำที่ยังรอการไขว่คว้าและบางคำพูดที่ควรได้รับการเอ่ย ก่อนที่สายลมแห่งวันวานจะพัดพาทุกอย่างไป
'Nebraska' ผลงานภาพยนตร์ขาวดำที่สะท้อนชีวิตในอเมริกาชนบทผ่านสายตาของชายชราและลูกชายที่ออกเดินทางร่วมกันโดยไม่รู้ว่าปลายทางจะพาพวกเขาไปเจออะไร โดยภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย Alexander Payne ผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องการเล่าเรื่องของครอบครัวที่เต็มไปด้วยความขมขื่นแต่แฝงด้วยอารมณ์ขัน
สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนรักภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ บทภาพยนตร์ที่อาจดูเรียบง่าย แต่กลับเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง โดยภาพยนตร์พูดถึงความทรงจำ ความเสียใจ และศักดิ์ศรีของชายคนหนึ่งที่กำลังใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของชีวิต โดยเฉพาะเมื่อถูกนำเสนอผ่านภาพขาวดำ ยิ่งทำให้ความรู้สึกทวีคูณเพิ่มขึ่น
อีกมุมหนึ่งภาพยนตร์ยังสะท้อนถึงสังคมอเมริกันชนบทในยุคที่ผู้คนเริ่มลืมรากเหง้าของตนเองและครอบครัวแตกกระจายไปตามกระแสโลกาภิวัตน์ โดยภาพยนตร์เลือกที่จะใช้เมืองเล็กๆ ในรัฐ Nebraska เป็นฉากหลัง ซึ่งทำให้ผู้ชมเห็นถึงปัญหาหลายอย่างที่ฝังอยู่ในวัฒนธรรมของสังคมชนบทอเมริกัน
สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้พิเศษ คือ อารมณ์ขันแบบแห้งๆ ที่แทรกอยู่ในบทสนทนาและเหตุการณ์ต่างๆ แม้ไม่ใช่ภาพยนตร์ตลกจ๋าๆ แต่เป็นมุกที่เจ็บจี๊ดในความเงียบ ซึ่งมุกต่างๆ ในภาพยนตร์เรื่องกลับเป็นส่วนช่วยสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์นั้นสามารถจับต้องได้และยังคงลายเส้นของ Alexander Payne
โดย Alexander Payne เลือกที่จะถ่ายทำภาพยนตร์เป็นภาพขาวดำ ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกถึงกาลเวลาที่หยุดนิ่งของเมืองเล็กๆ และชีวิตที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ตึกร้าง ถนนรกร้าง และท้องฟ้ากว้างไกลเป็นฉากหลังของเรื่องราวที่สะท้อนถึง ความเหงาและความฝันที่กำลังจางหายไปของคนบางคน
'Nebraska' เป็นผลงานภาพยนตร์แนว Road Movie ที่ดูเหมือนไม่มีจุดหมาย แต่เต็มไปด้วยอารมณ์และความหมายในทุกจังหวะ เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ได้บีบคั้นให้คนดูร้องไห้ แต่กลับทำให้เราซึมซับความเศร้าแบบเงียบๆ พร้อมนำพาผู้ชมเข้าไปสานสัมพันธ์กับมนุษย์คนหนึ่งในช่วงท้ายของชีวิตเขา
Translated from by
Popular reviews
More-
The Substance 2024
"คุณค่าของมนุษย์ใครเป็นคนตัดสิน"
ผลงานศิลปะแห่งความวิปลาส ที่พร้อมดึงดูดผู้ชมเข้าสู่เรื่องราวอันบ้าคลั่งจนแทบจะสิ้นสติได้ทุกวินาที ด้วยประเด็นอันว่าด้วยสังขารของมนุษย์ ผ่านงานเมคอัพอันน่าสะอิดสะเอียดและการแสดงอันยอดเยี่ยม
แค่ได้รับรู้ว่าภาพยนตร์นี้ได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ปี 2024 ก็ทำให้ผู้เขียนเกิดความสนใจภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่น้อย จึงได้เดินทางไปรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้และผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็เหนือความคาดหมายมาก จนต้องยกให้เป็นภาพยนตร์แห่งปีอีกเรื่องก็ว่าได้
"The Substance" ภาพยนตร์เขย่าขวัญสั่นประสาทที่ท้าทายค่านิยมความงดงามในเรือนร่างของผู้หญิงจากการตีกรอบมาตรฐานทางสังคม ผ่านการผสมผสานระหว่างภาพยนตร์แนว Body Horror และ Drama ได้อย่างยอดเยี่ยม จนสามารถยึดกุมความรู้สึกและอารมณ์ร่วมของผู้ชมที่มีต่อภาพยนตร์ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
จุดน่าสนใจสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ถือการใช้แก่นสารที่ว่าสังขารของมนุษย์ที่ไม่เที่ยงแท้ มาร่วมกับ Beauty Standard จึงทำให้ผู้ชมได้เห็นเรื่องราวของอันน่าเวทนาของตัวละครที่ใฝ่หาและพยายามลดทอนคุณค่าความงามของตนเองเพื่อชื่อเสียงและคำเยินยอจากผู้คนในสังคมที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว
ภาพยนตร์เลือกที่นำเสนอรูปแบบ Beauty Standard ผ่านการจิกกัดและเสียดสีความงามที่ถูกวัดคุณค่าด้วยการตีกรอบตามมาตรฐานสังคม ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้จะเห็นได้เลยว่าการกระทำของตัวละครนั้นอาจจะดูไม่สมเหตุสมผลแต่หากมองในมุมของสังคมแล้วนั้นสิ่งที่ตัวละครในเรื่องกระทำก็พอที่จะรับได้
สิ่งที่ชอบที่สุดสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ การสร้าง Cinematic Experience ผ่านผลงานการกำกับของผู้สร้างสู่ตัวผู้ชม ซึ่งทำให้ผู้ชมนั้นตระหนักถึงผลงานของผู้กำกับมากมาย เช่น Kubrick, Lynch, Cronenberg และอื่นๆ ในส่วนนี้จึงเป็นองค์ประกอบที่ช่วยยกความน่าสนใจของภาพยนตร์อีกเท่าตัว
ท้ายที่สุดภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในประสบการณ์รับชมภาพยนตร์ที่ตราตรึงที่สุดของปีเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะองค์ท้ายของเรื่องที่พร้อมจะระเบิดความบ้าคลั่งให้แก่ผู้ชมได้ตลอดเวลา และความน่าสนใจของเรื่องที่แฝงไปด้วยประเด็นทางสังคมที่ทำให้ผู้ชมได้ตระหนักและหันมองสังคมรอบตัวอีกครั้ง
Translated from by -
Death Whisperer 2 2024
หยิบยกเรื่องราวจากภาคแรกมาอัดสเตียรอยด์ที่พร้อมจะระเบิดความมันส์ทุกวินาที โดยนำทุกตำนานความสยองของไทยมาใช้สร้างความบันเทิง ถึงแม้จะเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นแต่หนังเรื่องนี้ก็ยังคงไร้มิติในด้านบทอันซ้ำซากและฉาก Jump Scare ที่พร่ำเพื่อ
หากว่ากันตามตรง 'ธี่หยด 2' แถมจะไม่ได้มีอะไรที่แปลกใหม่และดึงดูดให้ผู้เขียนไปรับชมเลยแม้แต่น้อย เพราะ เรื่องราวที่ไร้เสน่ห์และบทภาพยนตร์ที่ดูผิดหูผิดตา รวมไปถึงตัวละครที่มากเกินไปจนไม่สามารถกระจายบทให้ทั่วถึง ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาต่างเป็นข้อเสียที่เห็นได้ชัดเจน
แต่ตัวหนังยังมีข้อที่ดีรู้ว่าข้อเสียเหล่านั้นจะถูกลบออกเมื่อเพิ่มสิ่งที่ผู้ชมใฝ่หาตั้งแต่ภาคแรกนั้นก็คือ 'ฉากแอ็คชั่น' ซึ่งในส่วนนี้ตัวหนังทำการบ้านมาดีมากๆรู้ว่าผู้ชมต้องการอะไร จึงได้ประเคนสิ่งเหล่านั้นให้จนกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ
จุดที่แย่ที่สุดคงไม่พ้นบทภาพยนตร์ของ 'ธี่หยด 2' ที่ทำหน้าที่เพียงแค่การรวบรวมชุดเหตุการณ์และนำเรื่องราวทั้งหมดมาสานต่อกัน ทุกตัวละครของเรื่องนั้นมีมิติที่แบนราบ ไม่มีพัฒนาการหรือการเติบโตทางความคิดอย่างสิ้นเชิง ตัวละครหลักว่าแบนแล้ว ตัวละครประกอบนั้นหนักหนาจนไม่อาจทนได้
ท้ายที่สุดหนังเรื่องก็คงเป็นเพียงแค่หนังที่มอบความบันเทิง ผ่านเรื่องราวการอัดสเตียรอยด์ที่พร้อมจะระเบิดความมันส์ทุกวินาที โดยตัดความสยดสยองทิ้งไปและเน้นไปที่ฉากแอ็กชั่นอันดุเดือดและยกระดับขึ้นจากภาคแรกอย่างชัดเจน ดังนั้นผู้ชมไม่ต้องหาสาระดูเอามันส์ก็พอ หากใครชอบก็ดีไปแต่ผมไม่
Translated from by