FilmmentTH

FilmmentTH

Favorite films

Don’t forget to select your favorite films!

Recent activity

All
  • The Red Envelope

  • Snow White

  • Mickey 17

  • Will You Marry Monk?

Recent reviews

More
  • The Red Envelope

    The Red Envelope

    หลังจากกอบโกยความสำเร็จครั้งใหญ่ในปีที่แล้วกับภาพยนตร์อย่าง วิมานหนาม รวมถึงผลงานที่ทำให้ผู้ชมชาวไทยหัวใจลุ้นระทึกกับโอกาสในการทะลุเป็นภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศ 5 เรื่องสุดท้ายบนเวทีออสการ์กับ หลานม่า แต่หลังจากผลงานทั้ง 2 เรื่องที่กล่าวไป ค่ายหนังอารมณ์ดีอย่าง GDH ก็ยังไม่เจอกับผลงานที่ประสบความสำเร็จด้านรายได้เลยครับ ทั้งภาพยนตร์ตลกที่มากด้วยนักแสดงรับเชิญอย่าง 404 สุขีนิรันดร์..Run Run ที่ไม่สามารถสร้างความประทับใจให้แก่ทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์ รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า ที่แม้ในแง่คุณภาพจะสวนทางกับภาพยนตร์เรื่องแรก พร้อมกวาดคำชมจากนักวิจารณ์ได้อย่างล้นหลาม แต่มันกลับไม่สามารถทำเงินในตลาดวงกว้างได้อย่างน่าเห็นใจครับ และในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม ผลงานของ GDH ได้วนกลับมาสู่สายตาของผู้ชมอีกครั้งใน ซองแดงแต่งผี ผลงานที่ดูจะเข้าทางของค่ายในทุกองค์ประกอบ ทั้งการหยิบภาพยนตร์คอมเมดี้จากไต้หวันเรื่อง Marry My Dead Body มาเป็นสารตั้งต้นในการรีเมค พร้อมด้วยเคมีของ 2 นักแสดงนำอย่าง พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล (บิวกิ้น) และกฤษฏ์ อำนวยเดชกร (พีพี) ซึ่งเป็นขวัญใจของมหาชน หากวัดกันจากข้อมูลดังกล่าว ซองแดงแต่งผี คือผลงานที่พร้อมจะเขย่าบัลลังก์ภาพยนตร์ทำเงินให้กลับมาอยู่ในมือของ GDH อย่างแน่นอน แต่หลังจากได้รับชมจบแล้วกลับค้นพบว่า ซองแดงแต่งผี ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ผมโปรดปรานเท่าไรนักครับ
    .
    ปัญหาใหญ่ในการรับชมสำหรับผม คือการที่ผมตั้งคำถามกับความย้อนแย้งของเรื่องราวอยู่ตลอดเวลาครับ ชัดเจนครับว่าภาพยนตร์เรื่อง ซองแดงแต่งผี มีแก่นกลางที่พูดถึงการโอบรับความหลากหลายทางเพศ ด้วยการเลือกเม่น ตัวละครที่มีทัศนคติเหยียดเพศอย่างรุนแรงเป็นคนดำเนินเรื่อง พร้อมพาให้ตัวละครนี้ไปพบเจอกับการเจริญเติบโตทางความคิดและทัศนคติ ตลอดจนเรียนรู้, ซึมซับ และเข้าใจในความหลากหลาย เพื่อเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนใหม่ในช่วงท้ายเรื่อง ซึ่งเส้นทางการเติบโตนี้เป็นสิ่งที่ผมชอบมากๆ ของภาพยนตร์ครับ แต่ติดอยู่ตรงที่ทุกอย่างนั้นกลับเริ่มต้นจากการแต่งงานสุดพิศดาร อันว่าด้วยพิธีสมรสระหว่างมนุษย์กับวิญญาณที่เกิดขึ้นด้วยการบังคับ หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือการแต่งงานที่เกิดขึ้นไม่ต่างอะไรจากการคลุมถุงชน ที่หวังเอาว่าคนที่แต่งงานกันโดยไม่รู้จักนั้นจะหลงรักกันเองในสักวันหนึ่งครับ ซ้ำร้ายยิ่งกว่าเมื่อไอเดียดังกล่าวผุดขึ้นมาจากตัวละครอย่างอาม่า ผู้ซึ่งดูจะมีแนวคิดสมัยใหม่และเข้าใจในตัวหลานรักอย่างตี่ตี๋มากที่สุด แต่กลับเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดงานแต่งงานครั้งนี้ ซึ่งเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของตี่ตี๋หลังจากการสมรสเท่าเทียมเพิ่งจะกลายเป็นเรื่องถูกกฎหมาย แทนที่อาม่าจะนำซองแดงนี้ไปให้กับคนที่ตี่ตี๋รักเพื่อเข้าพิธีแต่งงานร่วมกัน…

  • Snow White

    Snow White

    ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่าประเด็นที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่อง Snow White กลายเป็นจุดสนใจของผู้ชมทั่วโลก ไม่ใช่การหยิบเอาแอนิเมชั่นสุดคลาสสิกจากปี 1937 มาสร้างเป็นภาพยนตร์ฉบับคนแสดง, ไม่ใช่การที่ตัวละครอย่างสโนว์ไวท์นั้นเป็น “เจ้าหญิง Disney” คนแรกของประวัติศาสตร์ และไม่ใช่การเพ่งเล็งไปยังคุณภาพของงานสร้างอันตระการตาเหมือนอย่างที่ภาพยนตร์เรื่อง The Jungle Book หรือ The Lion King ถูกพูดถึง แต่มันคือการคัดเลือก Rachel Zegler มารับบทนำ พร้อมกับคำครหาว่านักแสดงชาวละตินคนนี้ไม่ “ขาว” เหมือนกับแอนิเมชั่นต้นฉบับ ซึ่งปัญหาดังกล่าวก็เคยเกิดขึ้นและสร้างการถกเถียงในวงกว้างมาแล้วตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง The Little Mermaid และมันก็เกิดขึ้นอีกครั้งกับภาพยนตร์เรื่อง Snow White ครับ 
    .
    โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าสิ่งที่ Disney เลือกทำนั้นเป็นสิ่งที่กล้าหาญมากๆ เพราะมันคือการเดิมพันครั้งใหญ่กับตัวละครที่มีภาพจำอย่างเด่นชัด เพื่อสร้างภาพจำใหม่และเปลี่ยนให้กับตัวละครเหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่งดงามมากกว่าสีผิว, เชื้อชาติ และรูปลักษณ์ภายนอกของนักแสดงในแต่ละบทบาท แม้ว่าการตัดสินใจของ Disney จะดูเป็นเรื่องที่บิดเบี้ยวและยอมรับไม่ได้สำหรับใครหลายคนในยุคปัจจุบัน แต่ผมเชื่อว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นสิ่งยังไม่สามารถวัดผลถูกผิดอย่างชัดเจนได้ในวันนี้ เนื่องจากการขับเคลื่อนหรือความเปลี่ยนแปลงเชิงวัฒนธรรมนั้นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยปัจจุบันทันด่วน หากแต่มันเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะและหล่อหลอมความเชื่อของผู้คนจำนวนมหาศาล ในการเปลี่ยนแปลงจากอคติให้กลายเป็นการยอมรับมาตรฐานใหม่ของสังคมนั่นเองครับ ดังนั้นย่างก้าวที่ดูเป็นการยัดเยียดในวันนี้ มันอาจจะกลายเป็นย่างก้าวที่สำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์ที่คนรุ่นหลังหันกลับมายกย่องในอนาคตก็เป็นได้ ซึ่งเมื่อมองจากมุมนี้มันก็ทำให้ผมเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยไม่มีปัญหาอะไรครับ
    .
    ซึ่งสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของภาพยนตร์เรื่อง Snow White ก็คือนักแสดงนำอย่าง Rachel Zegler ครับ การแสดงของเธอนั้นน่าชื่นชมเป็นอย่างมาก ไล่มาตั้งแต่การมอบความไร้เดียงสาให้กับตัวละคร พร้อมกับถ่ายทอดความบริสุทธิ์, อ่อนโยน และความมีเมตตาของตัวละคร จนสามารถซื้อใจผู้ชมและตัวละครแวดล้อมของเธอได้อย่างมีเสน่ห์ ก่อนที่จะมอบพัฒนาการให้กับตัวละครด้วยการแต่งเติมความกล้าหาญลงไปในแววตา เมื่อสโนว์ไวท์นั้นต้องลุกขึ้นสู้กับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้นผู้ชมก็เชื่อและพร้อมจะเอาใจช่วยตัวละครอย่างไร้ข้อสงสัยแล้วครับ สุดท้ายนี้สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือเสียงร้องอันแสนไพเราะและทรงพลังของ Rachel Zegler ครับ เธอได้ทำให้ทุกฉากมิวสิคัลของตัวเธอนั้นพิเศษและน่าจดจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับบทเพลง Waiting On A Wish…

Popular reviews

More
  • A Normal Family

    A Normal Family

    ว่ากันตามตรงแบบไม่อ้อมค้อม ผมได้รู้จักกับภาพยนตร์เรื่อง A Normal Family เป็นครั้งแรกก็ตอนที่ได้ยินชื่อภาษาไทยของมันครับ โดยภาพยนตร์เลือกใช้ชื่อเรื่องว่า “ลูกฉันเป็นคนดี” ซึ่งเป็นวลียอดฮิตที่มักจะถูกหยิบยกมาใช้โดยพ่อแม่ที่ต้องการจะปกป้องลูกของตัวเอง หลังจากคนเป็นลูกนั้นเข้าไปพัวพันหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ไม่ถูกไม่ควรครับ ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็เป็นชื่อภาษาไทยที่ดูเข้ากับบริบทของภาพยนตร์ได้อย่างแนบเนียน โดยต้นฉบับที่แท้จริงของ A Normal Family นั้นมาจากนิยายที่มีชื่อว่า The Dinner จากปลายปากกาของนักเขียนที่มีชื่อว่า Herman Koch โดยนิยายเรื่องนี้เคยถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์มาแล้วถึง 3 ครั้งจาก 3 สัญชาติ ได้แก่เนเธอร์แลนด์, อิตาลี และฮอลลีวูด ซึ่งทุกเวอร์ชั่นที่ผ่านมานั้นได้รับคำวิจารณ์ที่ไม่สู้ดีนัก แม้ว่า A Normal Family จะเป็นการดัดแปลงครั้งที่ 4 ของนิยายเรื่องนี้แล้ว แต่มันนับเป็นครั้งแรกที่ภาพยนตร์เลือกจะไม่ใช้ชื่อเรื่องว่า The Dinner ตามนิยายต้นฉบับ ซึ่งการตั้งชื่อเรื่องว่า A Normal Family ก็ดูจะมีนัยและเสียดสีความผิดปกติที่เกิดขึ้นในครอบครัวของตัวละครอย่างชัดเจน ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อเรื่องที่แตกต่างเท่านั้น แต่ A Normal Family ยังกลายเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับคำวิจารณ์ดีที่สุดในทุกเวอร์ชั่นอีกด้วยครับ
    .
    ภาพยนตร์มีโครงสร้างที่แข็งแรงและมีความพยายามอย่างชัดเจน ในการทำให้จุดเริ่มต้นและจุดจบของภาพยนตร์นั้นเป็นเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงกัน แต่แตกต่างกันในแง่ของความรู้สึกและบริบทที่พลิกกลับด้านอย่างสิ้นเชิง ซึ่งจุดนี้เป็นทั้งจุดที่ดีและเป็นข้อเสียของภาพยนตร์ด้วยในเวลาเดียวกัน โดย A Normal Family เปิดเรื่องด้วยการพาผู้ชมไปพบเจอกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญกลางสี่แยกแห่งหนึ่ง หลังจากทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง เจ้าของรถยนต์สุดหรูก็ได้กระทืบคันเร่งสุดแรงเพื่อพุ่งชนคู่กรณีจนเสียชีวิต พร้อมทำให้ลูกสาวของคู่กรณีบาดเจ็บสาหัส เจ้าของรถยนต์สุดหรูได้ว่าจ้างแช-วาน ทนายความผู้ให้ความสำคัญกับชัยชนะมากกว่าความถูกผิดมาดูแลคดีให้ ในขณะที่เด็กสาวผู้เคราะห์ร้ายถูกส่งไปที่โรงพยาบาลภายใต้การดูแลของแช-กยู นายแพทย์ผู้เคร่งครัดในหลักการและหมายมั่นจะช่วยเหลือชีวิตคนมากกว่าการแสวงหากำไร เพียงสถานการณ์สั้นๆ ที่เกิดขึ้นสามารถใช้เล่าตัวตน, วิธีคิด, ทัศนคติ และคุณธรรมภายในใจของทั้ง 2 ตัวละครได้อย่างชัดเจน จากจุดเริ่มต้นที่ 2 พี่น้องต้องรับมือกับเหตุการณ์เดียวกันใน 2…

  • Panor

    Panor

    ย้อนกลับไปในปีพ.ศ.2548 หรือประมาณ 20 ปีก่อน ผู้ชมชาวไทยได้ประจักษ์กับภาพยนตร์เรื่อง ลองของ ซึ่งมีสโลแกนอันแสนเฉียบขาดว่า “เสียวสยองทุก 2 นาที” โดยภาพยนตร์สามารถทำให้ผู้ชมนั่งตัวเกร็งได้ตามคำโปรย ด้วยความโหดของการใช้ไสยศาสตร์ที่ถูกถ่ายทอดผ่านงาน Practical Effect อันสมจริงสมจังในช่วงเวลานั้น ก่อนจะมีภาคต่ออย่าง ลองของ 2 ตามออกมาในปีพ.ศ.2551 เนื้อหาใจความของภาพยนตร์ทั้ง 2 ภาคนั้นโคจรอยู่รอบตัวละครอย่างครูพนอ หญิงสาวที่ผ่านเรื่องราวอันเลวร้ายและกลายมาเป็นหนึ่งในไอคอนของภาพยนตร์สยองขวัญแนวไสยศาสตร์มาจนถึงปัจจุบันนี้ ยอมรับกันตามตรงครับว่านอกจากความสยองขวัญจาก “การถอดเล็บ” และฉากสุดสะอิดสะเอียนในตำนานอย่าง “การกินต้มข่าไก่” แล้ว ผมจำรายละเอียดอื่นๆ ของภาพยนตร์ชุด ลองของ ไม่ได้เลยครับ แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับการรับชมภาพยนตร์เรื่อง พนอ แต่อย่างใด เนื่องจากแม้ว่าจะอยู่ในจักรวาลเดียวกัน แต่เนื้อหาของภาพยนตร์เรื่อง พนอ นั้นเป็นการพาผู้ชมย้อนกลับไปสำรวจต้นกำเนิดของครูพนอ ตั้งแต่ชีวิตวัยเด็กของเธอเลยครับ แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่การกลับมาสานต่อเรื่องราวของครูพนอในอีก 20 ปีให้หลังนั้น เป็นการกลับมาที่น่าผิดหวังครับ
    .
    แม้จะบอกเล่าถึงปูมหลังของครูพนอเป็นหลัก โดยเป็นการเล่าตั้งแต่ชีวิตวัยเด็กจนถึงช่วงมัธยมปลายของตัวละคร แต่การถ่ายทอดการประกอบร่างสร้างครูพนอในภาพยนตร์เรื่อง ลองของ ขึ้นมา ภาพยนตร์กลับมีเส้นเรื่องจำนวนมหาศาล ไล่มาตั้งแต่ความสัมพันธ์ระหว่างพนอกับนวล แม่ผู้ให้กำเนิดที่ปฏิบัติและเลี้ยงดูเธออย่างไร้เยื่อใย โดยมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ในความสัมพันธ์อันเหินห่างของทั้งคู่ รวมถึงเรื่องราวของมิตรภาพที่ก่อตัวขึ้นระหว่างพนอกับแต๊ว เด็กสาวที่ย้ายมาจากจังหวัดอื่นพร้อมกับพ่อของเธอ ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งสารวัตรในกรมตำรวจท้องถิ่น ก่อนที่เขาจะต้องมาสืบคดีการเสียชีวิตอย่างปริศนาของเหยื่อหลายราย ซึ่งเบาะแสทุกอย่างบ่งชี้ว่าเป็นการใช้ไสยศาสตร์และวิชาอาคมมืด นั่นจึงทำให้ผู้ต้องสงสัยถูกพุ่งเป้าไปที่พนอ นอกจากนี้ยังรวมถึงเรื่องราวความบาดหมางกันระหว่างพนอกับจิ๊บ รวมถึงกลุ่มเพื่อนในโรงเรียนที่พร้อมจะกลั่นแกล้งและคุกคามพนอราวกับไม่ใช่มนุษย์ และสุดท้ายภาพยนตร์ยังได้พาผู้ชมไปสำรวจลัทธิประหลาดที่มีความเชื่อด้านการสืบทอดวิชามืดในตัวมนุษย์ ซึ่งสมาชิกทุกคนของพวกเขาแฝงตัวอยู่กับชาวบ้าน เพื่อรอการทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ในลัทธิของพวกเขาเอง ซึ่งทุกเส้นเรื่องที่กล่าวมานั้นต่างมีความเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อยกับทุกช่วงวัยของพนอ ซึ่งแลกมากับการที่ภาพยนตร์จำเป็นต้องแบ่งเวลาให้ทุกเรื่อง สลับกับการบริหารเวลาในการสอดแทรกความสยองขวัญลงไปในเรื่องราว เพื่อประคับประคองอารมณ์ของผู้ชมไปพร้อมกันด้วย และนั่นเป็นความล้มเหลวประการแรกของเรื่อง เนื่องจากแต่ละเส้นเรื่องของภาพยนตร์ขยับอย่างไม่เป็นจังหวะ บางช่วงบางตอนนั้นช้าเกินจำเป็น ในขณะที่บางช่วงก็เร่งรีบจนไม่สามารถจับต้องได้
    .
    แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น คือการที่ภาพยนตร์ไม่สามารถทำให้ผู้ชมเชื่อในเส้นเรื่องไหนได้เลยครับ บทภาพยนตร์นั้นดำเนินเรื่องอย่างฉาบฉวยและกำปั้นทุบดิน จนทำให้ภาพยนตร์นั้นเต็มไปด้วยคำถามที่ไร้คำตอบ อาทิเช่น การที่พนอนั้นถูกชาวบ้านสาปส่งว่าเป็นตัวซวยนั้นเกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผล…

Tags

2