FilmmentTH

FilmmentTH

Favorite films

Don’t forget to select your favorite films!

Recent activity

All
  • A Working Man

  • Emilia Pérez

  • The Red Envelope

  • Snow White

Recent reviews

More
  • A Working Man

    A Working Man

    นักแสดงชื่อดังอย่าง Jason Statham เป็นอีกหนึ่งคนที่เราสามารถใช้ชื่อของเขาในการนิยามแนวทางของภาพยนตร์ได้เลยครับ กล่าวคือเมื่อเราพูดคำว่า “หนังของ Jason Statham” สิ่งแรกที่เรานึกถึงย่อมเป็นเรื่องราวของจอมยุทธเร้นกาย ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้หรือยุทธวิธีทางการทหาร และเลือกจะหันหลังให้กับอดีตของตัวเองและใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาสามัญทั่วไป แต่จนแล้วจนรอด สถานการณ์ของภาพยนตร์ก็จะนำพาเขาให้กลับสู่สนามรบอีกครั้ง ซึ่งทุกอย่างก็มักจะลงเอยด้วยการเป็น One Man Army หรือการบุกเดี่ยวทลายรังของวายร้ายทุกคนจนสิ้นซาก โดยภาพยนตร์เรื่อง A Working Man เป็นการโคจรกลับมาพบกันอีกครั้งของ Jason Statham กับผู้กำกับภาพยนตร์อย่าง David Ayer หลังจากที่ทั้งคู่เพิ่งจะมอบผลงานที่ดีที่สุดในรอบหลายปีของตัวพวกเขาเองใน The Beekeeper นอกจากนี้ยังพ่วงด้วยอีกหนึ่งแอ็กชั่นสตาร์อย่าง Sylvester Stallone ที่มาร่วมเขียนบทภาพยนตร์ด้วยอีกแรง ซึ่งแม้ว่าการรับชมภาพยนตร์เรื่อง A Working Man จะสามารถคาดเดาได้อย่างง่ายดายว่าเราจะได้เจอกับอะไร แต่สิ่งเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เราปรารถนาจะได้เห็นจากหนัง Jason Statham ทั้งสิ้นครับ
    .
    หากจะกล่าวถึงภาพยนตร์เรื่อง A Working Man อย่างสั้นที่สุดก็คงจะต้องบอกว่า มันเป็นสูตรสำเร็จที่ยังคงสำเร็จตามสูตรครับ แม้ว่าหากเทียบกันแล้ว A Working Man จะยังไปไม่ถึงระดับเดียวกับผลงานเรื่องก่อนหน้าอย่าง The Beekeeper แต่หากใครที่คิดถึงกลิ่นอายแบบเดียวกันก็สามารถรับชมได้โดยไม่เคอะเขิน เพราะ A Working Man ยังคงเดินในแนวทางเดียวกันแบบแทบทุกรายละเอียด เพียงแค่เปลี่ยนตัวตนของตัวละครและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องเท่านั้น จังหวะการเดินเรื่องเริ่มต้นอย่างช้าๆ และค่อยๆ ไต่ระดับความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงฉากไคลแม็กซ์ โดยที่ในเชิงของเนื้อหานั้นไม่มีเงื่อนปมอะไรที่ยากเกินคาดเดาครับ ทุกอย่างถูกถ่ายทอดอย่างเรียบง่ายและชัดเจน ส่วนที่ดูจะเป็นปริศนาสักหน่อยก็คือภูมิหลังของตัวละครหลักอย่างเลวอน เคด โดยแม้ภาพยนตร์จะเล่าว่าเขาเป็นอดีตนาวิกโยธินยอดฝีมือ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็กำลังถูกฟ้องร้องแย่งสิทธิในการเลี้ยงดูลูกสาวด้วย เนื่องจากอีกฝ่ายเชื่อว่าเขายังคงมีอาการ PTSD ติดค้างมาจากสงคราม ก็ชวนให้ผู้ชมตั้งคำถามได้เช่นกันว่าเลวอน เคดนั้นเคยมีพฤติกรรมอย่างไรหลังจากปลดประจำการออกมา…

  • Emilia Pérez

    Emilia Pérez

    ภาพยนตร์เรื่อง Emilia Pérez เป็นผลงานที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในปีที่ผ่านมาถึง 13 สาขา ซึ่งแต่ละสาขาก็ล้วนแล้วแต่เป็นรางวัลสำคัญทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม, ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของ Jacques Audiard, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมของ Karla Sofía Gascón ซึ่งส่งให้เธอเป็นคนข้ามเพศคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ ไล่ยาวไปจนถึงรางวัลใหญ่ประจำเวทีอย่างภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมและภาพยนตร์ยอดเยี่ยมครับ โดยภาพยนตร์สามารถคว้ารางวัลมานอนกอดได้ 2 สาขา ซึ่งก็คือรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมของ Zoe Saldaña และเพลงประกอบยอดเยี่ยมอย่าง El Mal ซึ่งถูกขับร้องโดย Zoe Saldaña นั่นเองครับ แม้จะฟังดูเป็นคุณสมบัติของภาพยนตร์ระดับคุณภาพ แต่ Emilia Pérez กลับกลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่อื้อฉาวที่สุดแห่งปี ทั้งในเชิงของเนื้อหาซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงถึงการนำเสนอความหลากหลายอย่างผิวเผิน รวมถึงมุมมองอย่างเหมารวมต่อการก่ออาชญากรรมในประเทศเม็กซิโก และในเชิงของปัญหานอกจอจากนักแสดงนำอย่าง Karla Sofía Gascón ซึ่งแสดงทัศนคติอันเป็นพิษของเธอลงบนโซเชียลมีเดียอย่างรุนแรงจนถูกผู้สร้างสั่งงดออกสื่อ จากกระแสด้านลบในช่วงโค้งสุดท้ายของการประกาศรางวัล ทำให้ภาพยนตร์เรื่อง Emilia Pérez ในฐานะตัวเต็งภาพยนตร์ยอดเยี่ยม กลับหลุดโค้งออกจากเส้นชัยและต้องกลับบ้านด้วยความผิดหวังท่ามกลางคำสาปส่งจากผู้ชมหลายฝ่ายทั่วโลก ซึ่งหลังจากได้รับชมภาพยนตร์แล้ว หากว่ากันด้วยเรื่องของเนื้อหาและสิ่งที่ภาพยนตร์นำเสนอเพียงอย่างเดียว มันไม่ใช่เรื่องยากในการเข้าใจเลยครับว่า เพราะอะไร Emilia Pérez ถึงโดนโจมตีหนักถึงขนาดนี้
    .
    ภาพยนตร์เลือกนำไอเดียอันสุดโต่งมาเป็นแกนกลางในการเล่าเรื่อง โดย Emilia Pérez นั้นเป็นภาพยนตร์แนวอาชญากรรมที่สะท้อนความฉ้อฉลและการคอร์รัปชั่นของผู้มีอำนาจ พ่วงด้วยเรื่องราวของเจ้าพ่อค้ายาตัวเป้งที่ต้องการเริ่มต้นชีวิตด้วยการผ่าตัดแปลงเพศ พร้อมด้วยความต้องการเบื้องลึกอันว่าด้วยการไถ่บาปที่กัดกินจิตใจของตัวละคร และทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ยังถูกถ่ายทอดผ่านการเป็นภาพยนตร์แนวมิวสิคัลอีกด้วย ข้อมูลข้างต้นไม่ใช่คำโฆษณาที่เกินจริงและฟังดูเป็นเรื่องราวที่กล้าหาญเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่อง Emilia Pérez ขาดหายไปอย่างสิ้นเชิงก็คือ การมอบความเป็นมนุษย์ให้แก่ตัวละครครับ โดยคนที่อยู่ใจกลางของภาพยนตร์อย่างเอมิเลีย เปเรซ กลับกลายเป็นตัวละครที่ผู้ชมรู้จักน้อยที่สุด ภาพยนตร์ไม่ได้มอบเลือดเนื้อหรือกระทั่งอารมณ์ความรู้สึกให้กับตัวละครเท่าที่ควร จนอดคิดไม่ได้ว่าภาพยนตร์ตั้งต้นทุกอย่างจากการตั้งคำถามว่า “อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเกิดเจ้าพ่อค้ายาเกิดอยากแปลงเพศเป็นผู้หญิง?” และเลือกจะต่อยอดทุกอย่างจากบริบทเรื่องการผ่าตัดแปลงเพศ โดยที่ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าตัวละครข้ามเพศนั้นเป็นใครและต้องการอะไรในชีวิตกันแน่ ผลลัพธ์ก็คือภาพยนตร์ได้สะท้อนเรื่องราวของ LGBTQ+…

Popular reviews

More
  • A Normal Family

    A Normal Family

    ว่ากันตามตรงแบบไม่อ้อมค้อม ผมได้รู้จักกับภาพยนตร์เรื่อง A Normal Family เป็นครั้งแรกก็ตอนที่ได้ยินชื่อภาษาไทยของมันครับ โดยภาพยนตร์เลือกใช้ชื่อเรื่องว่า “ลูกฉันเป็นคนดี” ซึ่งเป็นวลียอดฮิตที่มักจะถูกหยิบยกมาใช้โดยพ่อแม่ที่ต้องการจะปกป้องลูกของตัวเอง หลังจากคนเป็นลูกนั้นเข้าไปพัวพันหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ไม่ถูกไม่ควรครับ ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็เป็นชื่อภาษาไทยที่ดูเข้ากับบริบทของภาพยนตร์ได้อย่างแนบเนียน โดยต้นฉบับที่แท้จริงของ A Normal Family นั้นมาจากนิยายที่มีชื่อว่า The Dinner จากปลายปากกาของนักเขียนที่มีชื่อว่า Herman Koch โดยนิยายเรื่องนี้เคยถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์มาแล้วถึง 3 ครั้งจาก 3 สัญชาติ ได้แก่เนเธอร์แลนด์, อิตาลี และฮอลลีวูด ซึ่งทุกเวอร์ชั่นที่ผ่านมานั้นได้รับคำวิจารณ์ที่ไม่สู้ดีนัก แม้ว่า A Normal Family จะเป็นการดัดแปลงครั้งที่ 4 ของนิยายเรื่องนี้แล้ว แต่มันนับเป็นครั้งแรกที่ภาพยนตร์เลือกจะไม่ใช้ชื่อเรื่องว่า The Dinner ตามนิยายต้นฉบับ ซึ่งการตั้งชื่อเรื่องว่า A Normal Family ก็ดูจะมีนัยและเสียดสีความผิดปกติที่เกิดขึ้นในครอบครัวของตัวละครอย่างชัดเจน ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อเรื่องที่แตกต่างเท่านั้น แต่ A Normal Family ยังกลายเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับคำวิจารณ์ดีที่สุดในทุกเวอร์ชั่นอีกด้วยครับ
    .
    ภาพยนตร์มีโครงสร้างที่แข็งแรงและมีความพยายามอย่างชัดเจน ในการทำให้จุดเริ่มต้นและจุดจบของภาพยนตร์นั้นเป็นเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงกัน แต่แตกต่างกันในแง่ของความรู้สึกและบริบทที่พลิกกลับด้านอย่างสิ้นเชิง ซึ่งจุดนี้เป็นทั้งจุดที่ดีและเป็นข้อเสียของภาพยนตร์ด้วยในเวลาเดียวกัน โดย A Normal Family เปิดเรื่องด้วยการพาผู้ชมไปพบเจอกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญกลางสี่แยกแห่งหนึ่ง หลังจากทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง เจ้าของรถยนต์สุดหรูก็ได้กระทืบคันเร่งสุดแรงเพื่อพุ่งชนคู่กรณีจนเสียชีวิต พร้อมทำให้ลูกสาวของคู่กรณีบาดเจ็บสาหัส เจ้าของรถยนต์สุดหรูได้ว่าจ้างแช-วาน ทนายความผู้ให้ความสำคัญกับชัยชนะมากกว่าความถูกผิดมาดูแลคดีให้ ในขณะที่เด็กสาวผู้เคราะห์ร้ายถูกส่งไปที่โรงพยาบาลภายใต้การดูแลของแช-กยู นายแพทย์ผู้เคร่งครัดในหลักการและหมายมั่นจะช่วยเหลือชีวิตคนมากกว่าการแสวงหากำไร เพียงสถานการณ์สั้นๆ ที่เกิดขึ้นสามารถใช้เล่าตัวตน, วิธีคิด, ทัศนคติ และคุณธรรมภายในใจของทั้ง 2 ตัวละครได้อย่างชัดเจน จากจุดเริ่มต้นที่ 2 พี่น้องต้องรับมือกับเหตุการณ์เดียวกันใน 2…

  • Panor

    Panor

    ย้อนกลับไปในปีพ.ศ.2548 หรือประมาณ 20 ปีก่อน ผู้ชมชาวไทยได้ประจักษ์กับภาพยนตร์เรื่อง ลองของ ซึ่งมีสโลแกนอันแสนเฉียบขาดว่า “เสียวสยองทุก 2 นาที” โดยภาพยนตร์สามารถทำให้ผู้ชมนั่งตัวเกร็งได้ตามคำโปรย ด้วยความโหดของการใช้ไสยศาสตร์ที่ถูกถ่ายทอดผ่านงาน Practical Effect อันสมจริงสมจังในช่วงเวลานั้น ก่อนจะมีภาคต่ออย่าง ลองของ 2 ตามออกมาในปีพ.ศ.2551 เนื้อหาใจความของภาพยนตร์ทั้ง 2 ภาคนั้นโคจรอยู่รอบตัวละครอย่างครูพนอ หญิงสาวที่ผ่านเรื่องราวอันเลวร้ายและกลายมาเป็นหนึ่งในไอคอนของภาพยนตร์สยองขวัญแนวไสยศาสตร์มาจนถึงปัจจุบันนี้ ยอมรับกันตามตรงครับว่านอกจากความสยองขวัญจาก “การถอดเล็บ” และฉากสุดสะอิดสะเอียนในตำนานอย่าง “การกินต้มข่าไก่” แล้ว ผมจำรายละเอียดอื่นๆ ของภาพยนตร์ชุด ลองของ ไม่ได้เลยครับ แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับการรับชมภาพยนตร์เรื่อง พนอ แต่อย่างใด เนื่องจากแม้ว่าจะอยู่ในจักรวาลเดียวกัน แต่เนื้อหาของภาพยนตร์เรื่อง พนอ นั้นเป็นการพาผู้ชมย้อนกลับไปสำรวจต้นกำเนิดของครูพนอ ตั้งแต่ชีวิตวัยเด็กของเธอเลยครับ แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่การกลับมาสานต่อเรื่องราวของครูพนอในอีก 20 ปีให้หลังนั้น เป็นการกลับมาที่น่าผิดหวังครับ
    .
    แม้จะบอกเล่าถึงปูมหลังของครูพนอเป็นหลัก โดยเป็นการเล่าตั้งแต่ชีวิตวัยเด็กจนถึงช่วงมัธยมปลายของตัวละคร แต่การถ่ายทอดการประกอบร่างสร้างครูพนอในภาพยนตร์เรื่อง ลองของ ขึ้นมา ภาพยนตร์กลับมีเส้นเรื่องจำนวนมหาศาล ไล่มาตั้งแต่ความสัมพันธ์ระหว่างพนอกับนวล แม่ผู้ให้กำเนิดที่ปฏิบัติและเลี้ยงดูเธออย่างไร้เยื่อใย โดยมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ในความสัมพันธ์อันเหินห่างของทั้งคู่ รวมถึงเรื่องราวของมิตรภาพที่ก่อตัวขึ้นระหว่างพนอกับแต๊ว เด็กสาวที่ย้ายมาจากจังหวัดอื่นพร้อมกับพ่อของเธอ ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งสารวัตรในกรมตำรวจท้องถิ่น ก่อนที่เขาจะต้องมาสืบคดีการเสียชีวิตอย่างปริศนาของเหยื่อหลายราย ซึ่งเบาะแสทุกอย่างบ่งชี้ว่าเป็นการใช้ไสยศาสตร์และวิชาอาคมมืด นั่นจึงทำให้ผู้ต้องสงสัยถูกพุ่งเป้าไปที่พนอ นอกจากนี้ยังรวมถึงเรื่องราวความบาดหมางกันระหว่างพนอกับจิ๊บ รวมถึงกลุ่มเพื่อนในโรงเรียนที่พร้อมจะกลั่นแกล้งและคุกคามพนอราวกับไม่ใช่มนุษย์ และสุดท้ายภาพยนตร์ยังได้พาผู้ชมไปสำรวจลัทธิประหลาดที่มีความเชื่อด้านการสืบทอดวิชามืดในตัวมนุษย์ ซึ่งสมาชิกทุกคนของพวกเขาแฝงตัวอยู่กับชาวบ้าน เพื่อรอการทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ในลัทธิของพวกเขาเอง ซึ่งทุกเส้นเรื่องที่กล่าวมานั้นต่างมีความเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อยกับทุกช่วงวัยของพนอ ซึ่งแลกมากับการที่ภาพยนตร์จำเป็นต้องแบ่งเวลาให้ทุกเรื่อง สลับกับการบริหารเวลาในการสอดแทรกความสยองขวัญลงไปในเรื่องราว เพื่อประคับประคองอารมณ์ของผู้ชมไปพร้อมกันด้วย และนั่นเป็นความล้มเหลวประการแรกของเรื่อง เนื่องจากแต่ละเส้นเรื่องของภาพยนตร์ขยับอย่างไม่เป็นจังหวะ บางช่วงบางตอนนั้นช้าเกินจำเป็น ในขณะที่บางช่วงก็เร่งรีบจนไม่สามารถจับต้องได้
    .
    แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น คือการที่ภาพยนตร์ไม่สามารถทำให้ผู้ชมเชื่อในเส้นเรื่องไหนได้เลยครับ บทภาพยนตร์นั้นดำเนินเรื่องอย่างฉาบฉวยและกำปั้นทุบดิน จนทำให้ภาพยนตร์นั้นเต็มไปด้วยคำถามที่ไร้คำตอบ อาทิเช่น การที่พนอนั้นถูกชาวบ้านสาปส่งว่าเป็นตัวซวยนั้นเกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผล…

Tags

2