Kiatikul Phuangsom
A film student
Favorite films
Recent activity
AllRecent reviews
More-
Joker: Folie à Deux 2024
ก่อนอื่นชอบการต่อยอด “โจ๊กเกอร์” ในฐานะพลังของมวลชนจากภาคแรกนะ เหมือนกับว่าสิ่งที่ อาเธอร์ พยายามจะเป็นมันสร้างคลื่นบางอย่างให้กับสังคมไม่ว่าจะทางดีหรือไม่ แล้วก็เกิดคำถามที่ว่า จะเป็นยังไงถ้าหากพลังศรัทธาของผู้คนที่มีต่อโจ๊กเกอร์ถูกทำลายลงและคนเดียวที่ทำได้ ก็มีเพียง อาเธอร์ ที่สร้างโจ๊กเกอร์ขึ้นมา
อีกส่วน ชอบพาร์ทของศาลและสภาพการเป็นอยู่ในคุกมาก มีการจัดแสงเพื่อแสดงความเย็นยะเยือกของคนคุกกับโลกภายนอกกรงขังที่มีแสงอบอุ่น คิดว่าถ้าขยายเรื่องราวหรือเสียดสี อาร์คัมอะไซลัมที่เป็นคุกสำหรับผู้ป่วยจิตเวชที่ก็ไม่ได้ถูกดูแลดีเท่าไหร่ หนังเรื่องนี้คงจับประเด็นใหม่ ๆ มาเล่าได้เหมือนกัน และในช่วงของการพิจารณาคดีถ้าเน้นความเข้มข้นมากขึ้นคงทำถึงรสมากกว่าแน่นอน
เมื่อพูดถึงรสชาติ สิ่งหนึ่งที่หนังพยายามขายคนดูคือ ความเป็น Musical ซึ่งเรามองว่า เป็นช้อยการทดลองที่น่าสนใจ แต่ก็ใหม่เกินไปสำหรับ Joker เพราะทำออกมาไม่ถึง แม้ว่าจะมีสัญญะในบางซีนที่สื่อถึงห้วงอารมณ์ของอาเธอร์ได้ แต่ก็สู้ภาคแรกไม่ได้ในแง่ของการนำเหตุการณ์จริงกับภาพในหัวของอาเธอร์มาซ้อนทับได้อย่างละเมียดละไม และอีกหลาย ๆ ครั้งที่ตัวละครเริ่มร้องเพลงขึ้นมา เหมือนใส่มาให้เราระลึกว่า เขากำลังทำหนัง Musical อยู่นะ แต่ก็ไม่ได้มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเรื่องราวอย่างที่ควรเป็น หลายครั้งก็แอบขัดความต่อเนื่องของหนังเสียด้วยซ้ำ
อยากพูดถึงตัวละคร ฮาร์ลีย์ ควีนน์ ที่ถูกใส่มาเป็นตัวแทนของผู้คนที่ต้องการเห็นโจ๊กเกอร์ กับ ตัวแทนของความเปล่าเปลี่ยวของอาเธอร์ที่หวังจะรักกับใครสักคน หากหนังตัดพาร์ทของการร้องเพลง แล้วมาเสริมในส่วนนี้ให้แข็งแรง เราคงได้เห็นความสัมพันธ์ของสองตัวละครนี้มากขึ้น และเชื่อว่ามันจะนำไปสู่บทสรุปที่ดึงคนดูได้อยู่หมัด
ในแง่ของโปรดักชั่นและอาร์ต หนังเรื่องนี้มีซีนสวย ๆ ให้เราหลายฉาก รวมถึงการใช้สีที่น่าสนใจ มีรสของ mise en scène แกล่ม ๆ องค์ประกอบหรือนัยยะบางอย่างที่ถูกใส่เข้าไป พอได้ลองมองหาก็เพลิน ๆ ดี แต่ปัญหาคือ การ take time และ วิธีการเล่าเรื่องที่ไม่ค่อยทำงานกับผู้ชมอย่างเรา
Translated from by -
Popular reviews
More-
Linn Linn Linn 2024
Linn Linn Linn แม่ลินเป็นร่างทรง by Punchlt
“ม.6 แล้วนะ อ่านหนังสือบ้าง ไม่ใช่มาทำละครเวทีอะไรก็ไม่รู้”
เชี่ย! ประโยคนี้โครตโดน รีเรทในชนิดที่ว่าโดนเต็ม ๆ 55555แม่ลินเป็นร่างทรง เล่าเกี่ยวกับ “ลิน” เด็ก ม.6 ที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ตัดสินใจทำตามความฝันในการเล่นละครเวที จากที่เป็นเพียงแค่คนเขียนบท แต่แม่ผู้เป็นร่างทรงกลับมองว่า การเล่นละครนั้นจะทำให้ลินไปผูกโยงกับเคราะห์ร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ลินผู้ไม่อาจหนีจากโชคชะตาและเงาของแม่ จึงลุกขึ้นมา หวังจะทำตามฝันสักครั้ง “แต่ละครเวที ม.6 มันก็มีแค่ครั้งเดียวนะแม่”
ชอบความสัมพันธ์ของแม่ลูกคู่นี้ ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวทิ่มแทงเดี๋ยวปลอบประโลม มันเป็นความสัมพันธ์แบบเรียล ๆ ที่เกิดขึ้นจริง แต่ก็พิเศษกว่าหน่อยตรงที่บ้านนี้มีคุณแม่เป็นร่างทรง
“ร่างทรง” ในหนัง ถูกเอามาเล่ากับชอง ดราม่า Coming of age ในแบบที่เราชอบมาก ๆ บวกกับการนำเสนอที่ดี มันทำให้เรานึกภาพออกว่า ถ้าที่บ้านเราเป็นร่างทรงจริง ๆ ไอความกระอักกระอ่วน ความรู้สึกพึลึกพิลั่นที่เจอมาตั้งแต่เด็กจนชิน มันคงอยู่ในตัวเราตลอดและไอความรู้สึกเหมือนถูกครอบครอง จากตัวละครของคุณแม่ที่คาดเดาการกระทำไม่ได้ ทั้งคำพูดคำจาที่จู่ ๆ จะทำนายอะไรขึ้นมา แล้วดันเกิดขึ้นจริง ๆ มันทำให้รู้สึกว่า ไม่ว่าลินจะไปที่ไหน เมื่อไหร่ หรือทำอะไร ก็มักจะมีเงาของคุณแม่ติดตัวมาตลอด ราวกับชีวิตทั้งหมดของลินถูกเชื่อมโยงกับโชคชะตาที่แม่เป็นคนเลือก เราเชื่อว่าคนดูจะเข้าใจความรู้สึกนี้ได้เพราะเราก็ต่างอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองและคงมีหลายครั้งที่เรารู้สึกว่าชีวิตไม่ได้เป็นของเรา
“ชีวิตกูทำอะไรก็ไม่ดี ขนาดดวงยังไม่ดีเลย” เป็นอีกซีนที่บอกเล่าอารมณ์ของตัวละครเด็กม.ปลายคนหนึ่งได้ดีมาก ที่ต่อให้มีภาพฝันทะเยอทะยานแต่ก็เลือนลางจนไม่ชัดเจน พอเจอเรื่องร้าย ๆ หน่อยเข้าก็เริ่มสับสน
“ไม่เป็นไรนะ วันนึงเดี๋ยวมึงก็ทำได้ กูจะอยู่ข้าง ๆ มึงเอง“ หลังจากที่นำเสนอ…
Translated from by -
Lost And Filmed 2024
Lost and Filmed by tanbhiti
“ปกติถ้าน้องมันยังไม่กลับบ้าน ก็คงหนีไปดูหนังคนเดียวอีกแล้วมั้ง ? ”บางครั้งการที่คน ๆ หนึ่งจะหายตัวไป อาจเป็นเพราะปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติบางอย่าง หรืออาจถูกผีลักซ่อนลักพา หรือก็แค่ คน ๆ หนึ่งที่เลือกจะเดินหายไปด้วยตัวเขาเอง
เรื่องราวเกี่ยวกับ โลก ที่วันนึงก็เกิดปรากฏการณ์บางอย่างที่ทำให้ผู้คนทยอยหายไป จนต้องจัดตั้งสำนักงานจัดการคนหายที่ต้องคอยเฝ้าระวังและตามหาคนหาย ”จาง“ เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ ที่จู่ ๆ วันนึงก็ต้องกลับบ้านมาตามหาน้องชายที่หายตัวไป พร้อมกับคุณแม่ที่สูญเสียทั้งสามีและลูกชายคนเล็ก
ชอบที่เอาคอนเซ็ปต์ของ การหาย มาขยายให้เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ทำให้พล็อตมีความการ์ตูนโชเน็นจัด ๆ ซึ่งเป็นซอดที่ดีมาก ๆ ในการเอาไปต่อยอด แต่ก่อนที่มันเลยเถิดไปหนังก็ยังคงโฟกัสที่ การหายไปของคน ๆ นึง
มีซีนหนึ่งที่แม่ของจางพูดประมาณว่า “แม่ทำทุก ๆ อย่างก็เพื่อไม่ให้น้องรู้สึกว่าตัวเองถูกทำให้หล่นหาย เหมือนกับพ่อ แต่สุดท้ายสิ่งที่แม่ทำกลับทำให้น้องรู้สึกแบบนั้น” เป็นDialogue ที่เกิดขึ้นเพียงสั้น ๆ แต่บอกเล่าเรื่องราวได้เป็นอย่างดี บทสนทนาที่เกิดขึ้นราวกับลูกระเบิดที่ถูกกดทับมาเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งวันนึงมันระเบิดออกและลูกชายเลือกที่จะเดินหายไปเหมือนกับพ่อ เพราะพ่อก็เลือกที่จะหายไปจากครอบครัวเหมือนกัน
พอพูดถึงการหล่นหายแล้ว ขอกราบงานภาพจากพี่พลอย (pploycheeeze) ดีกรีงานคือใส่สุดมาก ชอบบรรยากาศเย็นยะเยือกในหนัง ชอบซีนธรรมดา ๆ อย่างการค่อย ๆ เข้าไปในโพรงหญ้า ค่อย ๆ เคลื่อนไปยังสถานที่ต่าง ๆ แต่กลับทำให้รู้สึกว่างเปล่า รู้สึกว่าตัวเองหล่นหายไปไหนสักแห่ง ทุกตัวละครในเรื่องเองก็มีความหล่นหายเหมือนกัน จางเองก็ถูกทำให้หล่นหายจากแม่เพราะแม่ก็สนใจแต่น้อง ส่วนคุณแม่เองก็หล่นหายจากสามีและลูกชายที่หายไป น้องชายก็หล่นหายเพราะพ่อหายไป ทุกองค์ประกอบ ทำให้meaningของหนังมันชัดขึ้นมาก ๆ
และฉากเกือบสุดท้ายที่คุณแม่และจาง ยืนอยู่ด้วยกันและปลดปล่อยทุกความรู้สึกที่ข้างคาออกมา แล้วจู่ ๆ หิมะเมืองไทยก็ตก!! เราชอบซีนนี้มาก ๆ เหมือนกับว่าฤดูกาลใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นพร้อมวันใหม่ แต่ในอีกแง่หนึ่งคือ หายนะที่กำลังคืบคลานเข้ามา เพราะก่อนอื่นประเทศไทยไม่มีหิมะตก ประกอบกับซีนที่พูดถึงการสูญพันธุ์ของเต่าทะเล ก็อาจหมายถึงโลกของหนังเรื่องนี้กำลังดำเนินไปสู่จุดที่เลวร้ายกว่านี้
Translated from by