I made portrait of a lady on fire my temple, my mural, my sky
Favorite films
Recent activity
AllRecent reviews
More-
The Meetings of Anna 1978
ความอึดอัดในบทสนทนากับการผูกภาพจำผู้หญิงกับความเป็นแม่หรือภรรยา ที่ถ่ายทอดออกมาด้วยภาษากายและแววตาอย่างละเอียดอ่อน
ยิ่งย้ำเลยว่าหนังประเด็นปิตาธิปไตยที่เล่าอย่างคลื่นใต้น้ำ ก็เจ็บปวดรวดร้าวได้ไม่แพ้หนังที่เล่าประเด็นนี้อย่างโฉ่งฉ่าง ขอแค่คนทำมีgazeที่เข้าใจความเจ็บปวดนี้ได้มากพอTranslated from by -
Popular reviews
More-
Set and Dead 2024
มหกรรมรีแคปด้านมืดของ filmmaker ทั้งการยัดคิวจนทีมงานoverload ผู้กำกับที่หวังแต่ให้หนังตัวเองออกมาสมบูรณ์แบบโดยช่างแม่งสุขภาพทีมงาน หรือแม้กระทั่งการจิกกัดประโยคอย่าง "ค่อยแก้ตอนpost" ที่ตอนจบของเรื่องอาจจะเป็นข้อความในในใจของคนตัดต่อทุกท่านว่า "มึงไม่แก้กันตั้งแต่ตอนพรีวะ"
ในฐานะที่ได้แอบอ่านบทเต็มเรื่องและตะหงิดใจถึงความไม่สมเหตุสมผลของการเฉลยตัวฆาตกร
เลยรู้สึกว่าภาพยนตร์เป็นอะไรที่ประหลาดดีในแง่ว่า มันสามารถห่วยได้แม้ทำมาดีตลอดทาง แค่ตอนจบพัง แต่ก็สามารถดีได้ในพริบตาแม้ระหว่างทางจะกระท่อนกระแท่น แค่ตอนจบดี
และเรื่องนี้คือแบบหลังปล. ขอให้พี่ตาตาหลังไม่หักจากการแบก easy rig
Translated from by -
Doi Boy 2023
เพราะรายต่อไป อาจเป็นคุณ
ถ้าบทเรื่องนี้ถูกโปรดิวซ์โดย Steven Spielberg หรือ บาส ณัฐวุฒิ เรามั่นใจเลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องออกมาเป็นหนังระทึกขวัญเร้าใจ มุมกล้องเร้าคนดู การตัดต่อฉวัดเฉวึยน
แต่พอโปรดิวเซอร์คือ Davy Chou กลิ่นอายของ Return to Seoul เลยมาเต็มมาก ทั้งการแช่ภาพ pacingที่นิ่ง หรือการปล่อยให้เราซึมซับกับambientของสภาพแวดล้อมในซีน (#BKKY ที่เราเคยดูยังไม่นิ่งขนาดนี้) และสไตล์แบบนี้สำหรับเราถือว่าถูกต้องมาก เพราะมันยิ่งขับความโหดร้ายของประเด็นการสูญหายได้ทรงพลังซื้อเมสเสจของหนังเรื่องนี้มาก ๆ อาจเพราะบริบทการเมืองที่ตรงไปตรงมาและทับซ้อนกับสภาวะเส็งเคร็งของประเทศไทยได้ไร้รอยต่อใดอันว่าด้วยการสูญหายในประเทศไทยที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาเหมือนเป็นเรื่องปกติ และการสูญหายอาจไม่ได้หมายถึงการสูญหายของชีวิตเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการเสียตัวตนที่เราเคยมีและเคยใช้
ยิ่งพอหนังมันเลือกจะไม่เร้าคนดูและใช้ความนิ่งเฉยและเย็นชาในการเล่า ผลลัพธ์เลยกลายเป็นความกลัวและหวาดผวาเพราะความไม่รู้ (ซีนในรถแม่งคือหนังสยองขวัญของแท้ ทั้งที่ไม่มีการบิ้วห่าไรทั้งสิ้น)เห็นทวิตของอัด อวัช ที่ต้องฝึกภาษาไทใหญ่ด้วยเวลาแค่หนึ่งเดือนครึ่งและผลลัพธ์ในจอออกมาทำเราเชื่อได้สนิทใจ (ขนาดวิธีการพูดภาษาไทย รู้เลยว่าทำการบ้านมาดี) และขอเก็งเลยว่า รางวัลจากสถาบันต่างๆในไทย อัด อวัช น่าจะล็อกมงนำชายเป็นที่เรียบร้อย
เป้ อารักษ์ กับบทบาทตำรวจที่เราได้แต่หวาดกลัวทุกครั้งการปรากฏตัว น้ำเสียง gesture สายตาคือเล่นได้มีพลังออร่าแห่งความน่ากลัวชิบหาย แต่เมื่อถึงจุดที่ต้องฉายแววความอ่อนแอก็ไร้ที่ติใด (ซีนในรถพร้อมสายฝนที่ตกลงมา ถ้าactingไม่แข็งแรงพอ เป้ อารักษ์จะจมแน่นอน but he did it)
เอม ภูมิภัทรในบทบาท LGBTQIAN+ ที่มีความ feminine กับการแสดงที่แตกสลายเพราะการสูญเสียทุกสิ่งอย่างไม่เต็มใจได้สมบูรณ์แบบ
สามคนในเรื่องนี้เป็นของขวัญของวงการนักแสดงไทยที่เราควรจะรักษาและป้อนบทที่ดีให้เขาไปอีกหลายสิบปี
เฝ้ารอดูการเติบโตของเนรมิตรหนังฟิล์มมาก ๆ ถึงแม้หลายเรื่องมันจะไม่ได้ดีเด่อะไร แต่วงการหนังไทยไม่สามารถอยู่ได้ด้วยกะเพราเมนูเดียว อาจมีเปลี่ยนประเภทเนื้อสัตว์ เอาไปทำเป็นโอมากาเสะหรือfine dining แต่สุดท้ายมันก็เป็นกะเพราอยู่วันยังค่ำ และคนดูอย่างเราคงไม่อาจกินผัดกะเพราได้ทุกวัน
และถึงแม้อาหารเมนูใหม่ ๆ อาจมีรสชาติอร่อยสไตล์เข้าใจง่ายอย่าง4kings ทิ้งอาฟเตอร์เทสให้กลับไปคิดเหมือนdoi boy หรือห่วยแตกจนเราคายทิ้งเหมือนคืนหมีฆ่า แต่อย่างน้อยที่สุด เราก็ไม่ได้มีผัดกะเพราเป็นรายชื่อเมนูเดียวอยู่บนใบสั่งอาหาร
และในฐานะคนกิน เราก็จะซื้อเมนูแปลกใหม่เหล่านั้นต่อไปเรื่อย ๆ แม้เราไม่รู้ว่ารสชาติจะออกมาดีหรือแย่ เพราะเราไม่ได้อยากให้ค่ายหนังต้องมาจบด้วยกะเพราเต็มหราอยู่หน้าใบสั่งอาหารเพราะเมนูอื่นมันขายไม่ได้