Favorite films
Don’t forget to select your favorite films!
Don’t forget to select your favorite films!
ชื่นชมในความทะเยอทะยานมันแหละในหลายๆเรื่อง แต่เอาเข้าจริงมันก็ให้อารมณ์เมะ/มังงะ โชเน็นทั่วๆไป
จุดที่ยากจะมองข้ามคงเป็นการที่มันให้ขบวนการเป็นราชา ยากที่เราจะไม่ได้เห็นฉากที่ต้องนั่งขมวดคิ้วเมื่อซีรีส์พยายามเล่นเรื่องการเมือง
Osgood ยังทำหนังเกี่ยวกับเด็กที่ได้รับผลกระทบจากพ่อและรำลึกถึงความรักของแม่เหมือนก่อน เรื่องนี้พาเรามาสำรวจไอเดียเกี่ยวกับความตาย simpleๆ คือมันไม่มีเหตุผลใดๆ
ความน่าสนใจคือการตั้งคำถามของตัวละครว่า ความตายของคนในครอบครัว เป็นความผิดของเราหรือเปล่า? เราจึงรู้สึกหดหู่เวลาหนังพยายามจะตลกกลบเกลื่อนเวลามีความตายเกิดขึ้น (หนังอาจทำเอาฮาก็ได้แต่สำหรับเรารู้สึกอีกแบบ555) ความรู้สึก doubt ในตัวเอง ว่าพอมีลูกเราจะเป็นพ่อที่ดีได้ไหม หรือจะเป็นคนไม่ดีแบบพ่อเรา เป็นสิ่งที่เจ็บปวดจริงๆ
พอตัวละครเอกเป็นแฝดเราเลยรู้สึกการคุยกันในตอนท้ายคือสิ่งที่พยายามบอกตัวเอง เสียดายที่รวบรัดไปหน่อย
ช่วงสักครึ่งแรก บรรยากาศแบบอบอุ่นหัวใจปนเศร้า อิ่มแอมใจมาก บอย ปกรณ์เล่นเป็นตำรวจที่เป็นเหมือน father figure ของเด็กๆ ซึ่งจังอิ่มเอิมหัวจายยย….จนกระทั่งมาถึงของฉากนั้นในครึ่งหลัง
มันไปไกลกว่าที่เราคิดมากๆ นอกจากจะเป็น coming of age ที่พูดเรื่องความรัก ความฝัน การค้นหาตัวเองของเหล่าเด็กๆแล้ว สิ่งที่มันพาเราสำรวจคือ ความล้มเหลวของสังคมตำรวจและจริงๆมันก็คงจะสะท้อนถึงสังคมในภาพใหญ่ได้ด้วย
ในภาพจำของความเป็นตำรวจ (ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชาย) คือการเป็นผู้พิทักษ์ปกป้อง ต้องเข้มแข็ง เป็นผู้นำ บลาๆๆ สิ่งที่ตามมาคือการที่ ผู้หญิงถูกทำให้ stuck อยู่กับที่ ไปไหนไม่ได้ ทั้งๆที่ศักยภาพ ความเข้มแข็ง(โดยเฉพาะทางใจ) ไม่ต่างกัน เผลออาจมีมากกว่าด้วยซ้ำ มันจึงเป็นการสะท้อนให้เห็นความผิดพลาดในเชิงโครงสร้าง(ใช้คำถูกปะนะ) ที่มันซุ่มลึกและไหลผ่านรุ่นสู่รุ่น (ผู้หญิงถูกเอาทรัพยากรออกไป เพื่อให้ต้องพึ่งผู้ชาย)
สภาพความล้มเหลวนี้มันกระทบทุกระดับ โดยเฉพาะตัวบุคคล โดยที่บางที่เราอาจไม่รู้ตัว พฤติกรรม ความคิด ตัวเรามันประกอบมาจากหลายๆสิ่งหลายอย่างในชีวิต ตัวละครทุกตัวเขียนมาน่าสนใจมากๆ
ตัวละคร ตอง ในตอนแรก เราจะเห็นว่าแกก็ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นดี รักเด็กๆดูแลช่วยเหลือ แต่พอมองเข้าไปพฤติกรรมแก ก็แค่รับมาจากอิทธิพลจากสิ่งรอบตัวอีกที (ต้องมีบทบาทผู้ดูแล ผู้นำ ฉากสอนขับรถก็น่าสนใจ ตัวละครเองก็ดูพยายามที่จะให้เด็กๆ ดูแลตัวเองได้ แต่อีกนัยมันก็สะท้อนถึงการเป็นผู้ใหญ่ที่ชี้นำ สอนเหล่าเด็ก) และบางทีพฤติกรรมเหล่านี้ก็อาจมาจาก guilt ที่ถูกฝั่งมาจากสมัยเด็ก(เคยเป็นเกเร พ่อแม่ให้มารับใช้ชาติ การรับใช้ชาติ=การชดเชยความผิด) ในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์กับผู้เยาว์ ในมุมมองของตัวละคร (ซึ่งก็ดูไม่ได้ทันโลก หรือ แนวคิดยุคนี้ขนาดนั้น ) ก็คงไม่คิดว่ามันผิดร้ายแรงเท่าเรา พอทำไปแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อก็คือรับผิดชอบ (พอเรื่องแดง ก็แค่ต้องแต่งงานกัน คงในสังคมนั้นไม่ได้บอกว่ามันประหลาดมันแย่ขนาดนั้น) และตัวละครอยู่ในฐานะที่ “ทำได้” มันจึงยิ่งเอื้อให้เกิดง่ายขึ้น สุดท้ายตัวละครตัวนี้ก็คงกลายเป็นแบบตำรวจ(เหี้ยๆ)แบบคนอื่น(เพราะสุดท้ายแกต้องไปอยู่ในสังคมเพื่อนๆตำรวจ)…
พึ่งเคยดูครั้งแรก รู้สึกเหมือนดูช้าไปถ้าดูตอนม.ต้นอาจจะอินกับมัน แต่พอดูตอนนี้ก็รู้สึกว่ามันเขียนตัวละครแบนจัง มีแต่ shock value ฉายภาพความเจ็บปวดของวัยรุ่นแบบไม่ได้พยายามเข้าใจอะไรเท่าไหร่
การกำกับยิ่งผลักเราออกจากตัวละครมากขึ้นอีก